บทที่ 500 ปัญญาชนหลงผิดทำลายแคว้น
ผู้ว่าการมณฑลหน้าแดง พูดอย่างแข็งขันว่า “การ… การตัดสินของข้าถูกต้องที่สุด อย่างน้อยมันก็รักษาใจราษฎรได้มิใช่หรือ”
ขุนพลหยาเจี้ยงที่อารมณ์ร้อนกำลังจะเอ่ยโต้แย้งแต่เฉินผิงห้ามไว้ก่อน
นั่นไม่จำเป็นและไม่ควรทำ ตอนนี้ควรให้ความสำคัญกับการโจมตีภูเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาต่อมากกว่า
ผู้ว่าการมณฑลแนะนำอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อโจรต้าเหลียงได้หนีกลับไปที่ภูเขาชิงอวี้แล้วจะรออะไรอยู่ โจมตีสิ!”
เฉินผิงถอนหายใจ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิบายให้ผู้ว่าการมณฑลเจ้าปัญหาฟังด้วยความอดทน
“โจรต้าเหลียงหนีกลับไปยังภูเขาชิงอวี้แล้ว เราเสียโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์นี้ยังพิสูจน์อีกว่ามียอดกุนซืออยู่บนภูเขาชิงอวี้ ศัตรูเร่งปล้นเสบียงในอำเภอผิงชางโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน พวกเขาสังหารผู้ว่าการอำเภอก่อนเพื่อให้คนในเมืองเป็นฝูงมังกรไร้หัว*[1] หลังจากทำลายค่ายทหารรักษาการณ์ก็ไปปล้นเสบียงในคลัง ทุกขั้นตอนทั้งหมดไม่ได้รบกวนชาวบ้านเลย”
“โจรต้าเหลียง… หึ ๆ กลุ่มพลทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีขนาดนี้จะเรียกว่าโจรได้อย่างไร?”
“ท้ายที่สุดแล้ว ความล้มเหลวของเราในการทำลายล้างกองกำลังศัตรูทั้งหมดเมื่อคืนนี้ก็ทำให้เราเสียโอกาสไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ว่าการมณฑลก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ! กองพลพญาอินทรีเป็นที่เลื่องลือในฐานะกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในเป่ยตี๋ รวมถึงหน่วยนกฮูกราตรีที่ร่วมกันซุ่มโจมตีด้วย ไยจึงปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังหนีไปได้ถึงสองร้อยคน ข้าละไม่อยากจะเชื่อ”
ประโยคนี้ทำให้เหล่าทหารที่อยู่ในที่ประชุมโกรธเคืองอย่างยิ่ง
ขุนพลหยาเจี้ยงนามหม่าหนิงผู้อารมณ์ร้อนตวาดใส่ผู้ว่าการมณฑล “เจ้าจะไปรู้อะไร!”
“ท่านแม่ทัพก็บอกแล้วว่าศัตรูมียอดกุนซือคอยช่วยเหลือ เจ้าหูตึงหรือ? คนผู้นั้นมีเป้าหมายชัดเจนคือมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือทหารค่ายเทียนจี เคยต่อสู้กับกองพลพญาอินทรี แค่นำกลุ่มทหารม้าเกราะเบาเป่ยซีมาก็สามารถกวาดล้างกองพลพญาอินทรีได้อย่างสมบูรณ์ พวกข้ามาที่นี่ก็เพื่อล้างแค้น!”
“เมื่อเทียบกับยอดกุนซือบนภูเขาชิงอวี้ เจ้ามันก็แค่คนขลาดเขลาเบาปัญญา!”
เมื่อถูกหม่าหนิงชักสีหน้าด่า ผู้ว่าการมณฑลไม่เพียงแต่ไม่ควบคุมตนเอง แต่ยังโมโหกลบเกลื่อนอีกด้วย
เขาชี้ไปที่หม่าหนิงแล้วตวาดว่า “บังอาจ! ข้าเป็นผู้คุมกองทัพ ทุกคนในตำบลหมิงอวิ๋นต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า ขุนพลหยาเจี้ยงตัวเล็ก ๆ เช่นเจ้า กล้าดีอย่างไรมาตีเสมอผู้บังคับบัญชา? ทหาร! ลากมันออกไปบั่นคอตามวินัยทหาร!”
ในที่แห่งนั้นล้วนเป็นพวกพ้องของเฉินผิงจึงไม่มีใครสนใจคำสั่งของผู้ว่าการมณฑล
ผู้ว่าการมณฑลยิ่งโกรธมากขึ้น หันหลังแล้วเดินออกจากกระโจม ตะโกนใส่กองทหารที่อยู่ด้านนอก “ทหาร! ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าจับหม่าหนิง!”
ไม่มีแม่ทัพคนใดให้ความสนใจผู้ว่าการมณฑล แต่กองทหารรักษาการณ์ที่ส่งมาจากสถานที่ต่าง ๆ เชื่อฟังคำพูดของเขา ทหารหลายนายรีบพุ่งเข้ามาทันที ทหารม้าของกองพลพญาอินทรีก็เข้ามาคุมเชิงกับพวกเขาเช่นกัน
เฉินผิงสูดหายใจเข้าลึก ระงับความโมโหในใจ ก่อนจะเตะเข่าหม่าหนิงจนอีกฝ่ายคุกเข่าลงเสียงดังลั่น
เฉินผิงรีบประสานหมัดคารวะอย่างรวดเร็ว “ใต้เท้าใจเย็น ๆ ก่อน หม่าหนิงต่อสู้กับอำเภอเป่ยซีหลายครั้งทั้งยังเป็นศึกที่ดุเดือด ทันทีที่ได้ยินคำว่าเป่ยซีก็จะสูญเสียการควบคุม วันนี้การปราบปรามศัตรูคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เป็นเวลาที่ต้องการคน ใต้เท้ามีใจกว้างดั่งมหาสมุทร ช่วยละเว้นชีวิตสุนัขของเขาไว้ด้วยเถิด”
แม่ทัพและผู้นำหน่วยนกฮูกราตรีต่างก็ยกมือคารวะผู้ว่าการมณฑลพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาของเฉินผิง
ทันใดนั้น แววตาของผู้ว่าการมณฑลก็สว่างวาบ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าลำพองใจ “ในเมื่อทุกคนพยายามปกป้องเจ้านี่ ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรตามใจชอบได้ ครั้งนี้ข้าจะจดเอาไว้ก่อน หากมันยังกล้าหาเรื่องอีก ข้าจะไม่มีทางปล่อยไปแน่!”
หม่าหนิงถูกเฉินผิงเตะอีกสองครั้ง จากนั้นเขาก็ก้มหน้าคำนับขอบคุณด้วยสีหน้าดำคล้ำอย่างไม่เต็มใจ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ