บทที่ 503 ขุนนางไร้สามารถคุมทัพ
รอยยิ้มของสวี่เชียนแข็งค้างบนใบหน้า เขามองดูความพ่ายแพ้เบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
สามพันคนสู้กับสองร้อยคน สู้ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถูกศัตรูตีจนพ่ายแพ้ยับเยินแล้วหรือ?
เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้!
แม้ว่าสวี่เชียนจะไม่ใช่ผู้บัญชาการทหาร ไม่ได้ศึกษาศาสตร์แห่งสงครามมากนัก แต่เขายังคงมีความรู้ขั้นพื้นฐานอยู่บ้าง ในสนามรบ จำนวนกำลังพลเป็นข้อได้เปรียบอย่างแน่นอน สามพันคนสู้กับสองร้อยคนไม่ว่ากรณีใดก็ไม่มีทางแพ้
สวี่เชียนจ้องไปที่ผู้คุมกองทัพที่วิ่งหน้าดำมอมแมมกลับมา ก่อนจะตวาดเสียงเกรี้ยว “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงถอยลงมา ถ้าทำให้เสียโอกาสการศึกไปเปล่า ๆ ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”
ผู้คุมกองทัพคุกเข่าลงกับพื้น เขาแทบจะร้องไห้ออกมา
“ท่านใต้เท้า ศัตรูวางกับดักไว้นับไม่ถ้วน ก่อนที่จะถึงไหล่เขาพวกเราก็ประสบความสูญเสียอย่างหนัก เราพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจ แต่ทหารแถวหน้าหนีไปทำให้ทหารที่อยู่ด้านหลังหนีตามไปด้วย ความผิดไม่ได้อยู่ที่ข้าน้อยนะขอรับ”
ดวงตาของสวี่เชียนเบิกกว้าง เขาตวาดลั่น “กับดักหรือ?! ศัตรูอยู่บนภูเขาเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนจะวางกับดักมากมายได้อย่างไร เจ้าจงใจหลอกลวงข้าชัด ๆ!”
ผู้คุมกองทัพรู้สึกแย่จนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด
“ถ้าข้าน้อยโกหก ใต้เท้าจะลงโทษอย่างไรก็ได้ บนภูเขามีกับดักมากมาย ตอนแรกเป็นท่อนไม้หลายสิบท่อนทุบเข้าที่หัวและหน้า จากนั้นก้อนหินนับหมื่นจินก็กลิ้งลงมา ทหารไม่ได้นอนทั้งคืนจึงหมดแรงจนไม่สามารถโต้ตอบได้ ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกเสียชีวิตและบาดเจ็บ”
แม้ว่าสวี่เชียนไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อครู่นี้เขาได้ยินเสียงดังครึกโครมแต่ไม่ได้ใส่ใจกับมันในตอนแรก ศัตรูผู้บุกรุกเพียงสองร้อยคนจะสร้างคลื่นลมขนาดใหญ่ได้แค่ไหนกันเชียว ตอนนี้เมื่อได้รู้ความจริง สวี่เชียนก็หนาวสั่นไปทั้งแผ่นหลัง ทหารค่ายเทียนจีเหล่านั้นสามารถสร้างกับดักได้มากมายในเวลาเพียงหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนจริงหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น การขุดเจาะหินหนักนับหมื่นจินออกมาได้นั้นเป็นเรื่องยากมาก จะเป็นไปได้อย่างไร…
ไม่ว่าคิดอย่างไรสวี่เชียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้อยู่ดี
แต่ขวัญกำลังใจกองทัพพังทลายลงแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำการโจมตีต่อในเวลาอันสั้น สวี่เชียนทำได้เพียงกัดฟันและสั่งให้ถอย
เฉินผิงที่อยู่ไม่ไกลมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สายตาของแม่ทัพหนุ่มเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง
“ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม…”
“แม่ทัพศัตรูน่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก!”
หม่าหนิงที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าสวี่เชียนประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เอ่ยซ้ำเติมว่า “ขุนนางสุนัขผู้นี้คิดว่าการต่อสู้เหมือนกับการเล่นพรรคเล่นพวกใช้อำนาจไปวัน ๆ หรือ? ศัตรูไม่มานั่งถกเถียงเหตุผลกับเขาหรอก! รอกลับไปที่ค่ายตำบลหมิงอวิ๋น ข้าอยากจะดูนักว่าเจ้าสารเลวคนนี้จะแก้ตัวว่าอย่างไร!”
ผู้นำของหน่วยนกฮูกราตรีก็รู้สึกว่าสวี่เชียนทำตัวเองแท้ ๆ แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซ้ำเติม ท้ายที่สุดแล้วผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บก็คือทหารของเป่ยตี๋
ผู้นำของหน่วยนกฮูกราตรีมองไปที่เฉินผิง เขาอดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเห็นว่าเฉินผิงก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
“ศัตรูหดหัวอยู่ในภูเขาชิงอวี้ หากต้องการกำจัดศัตรูให้หมดต้องระดมกองทหารประจำการ โจมตีกดดันขึ้นไปโดยตรง ทหารรักษาการณ์ที่วันธรรมดาไม่เคยได้ออกรบ ไม่มีขวัญกำลังใจ แค่ครั้งแรกก็ล้มไม่เป็นท่า นอกจากนั้นศึกครานี้จะทำให้ขวัญกำลังใจของศัตรูเพิ่มมากขึ้น เสริมสร้างความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้จนตาย”
เฉินผิงส่ายหัวแล้วพูดอย่างจนปัญญา “กองทหารประจำการทั้งหมดต่อสู้อย่างดุเดือดในแนวหน้า ไม่สามารถโยกย้ายกลับมาได้เลย นอกจากนี้หากแค่เพื่อปิดล้อมและปราบปรามคนสองร้อยคน ย่อมไม่สมเหตุสมผล กองพลพญาอินทรีของเราเก่งในการรบภาคสนาม ไม่ถนัดการล้อมโจมตี หากพลทหารม้าเปลี่ยนเป็นพลทหารราบจะใช้กำลังรบได้ไม่ถึงสามส่วนด้วยซ้ำ จุดจบก็คงไม่ดีมากนัก”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ