บทที่ 505 จุดอ่อนของจิ่งเชียนอิ่ง
“ทุกวันนี้การสู้รบในแนวหน้ายังตึงเครียด แม้ว่ากองทัพทั้งสามจะโจมตีเฉินซือพร้อม ๆ กัน แต่เฉินซือก็ยังรับมือกับมันได้อย่างสงบ เขามักจะส่งทหารพรานเป่ยตี๋ออกปล้นไปตามทาง แม้ว่ากองทัพใหญ่ของศัตรูจะยังไม่รุกรานเขตที่นาในวงกว้าง แต่ทหารพรานจากทุกสารทิศก็คอยก่อกวนอยู่ตลอดเวลา เฉินซือเป็นแมลงร้อยขา ตายแต่กลับไม่แข็ง*[1] คิดอยากจะเอาชนะเขามิใช่เรื่องง่าย จ้าวอวี้หลง สวีโม่ และหลี่หลางนำกองทัพเข้าโจมตีจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา นั่นก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว!”
“เมื่อข่าวการข้ามพรมแดนของเฟิงเอ๋อร์รั่วไหลในเวลานี้ เฉินซือจะต้องพลิกแผ่นดินตามหาเฟิงเอ๋อร์อย่างแน่นอน ต่อให้จะจับเฟิงเอ๋อร์ไม่ได้ เขาก็ยังแพร่ข่าวลือทำลายขวัญกำลังใจกองทัพได้ เมื่ออำเภอเป่ยซีของเราถอย กองทัพของแม่ทัพรถม้าศึกและแม่ทัพทหารม้าจะต้องเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงจากเฉินซือ เพราะฉะนั้นการไม่ทำอะไรเลยในตอนนี้จึงปลอดภัยกว่าการลงมือเคลื่อนไหว”
“เราถอยกันคนละก้าวเถอะ แม้ว่าเราจะต้องการช่วยเหลือเฟิงเอ๋อร์จริง ๆ เราก็จำเป็นต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเฟิงเอ๋อร์อยู่ที่ไหนและสถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไร ตอนนี้ชายแดนถูกหน่วยนกฮูกราตรีและทหารพรานคุ้มกันจนเหมือนถังเหล็ก แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรก็ไม่สามารถเจาะทะลุเข้าไปได้ ดังนั้นจะต้องรอจนกว่าโอกาสที่เหมาะสมจะมาถึง!”
จิ่งเชียนอิ่งเป็นจอมยุทธ์หญิง นางไม่มีมุมมองต่อสถานการณ์โดยรวมเหมือนเสิ่นชิงฉือ ยิ่งไม่มีความคิดลึกซึ้งเหมือนฮูหยินฉิน นางรู้แค่ว่าตอนนี้ฉินเฟิงตกอยู่ในอันตรายและนางควรไปช่วยเหลือโดยไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไร
ความชอบธรรมแคว้นอันใด ภูเขาดาบทะเลเพลิงอันใด นางไม่สนใจ!
และความคิดของจิ่งเชียนอิ่งก็ถูกฮูหยินฉินมองได้ทะลุปรุโปร่ง
ฮูหยินฉินเพียงแค่ก้มศีรษะลงแล้วพูดเบา ๆ “เจ้าไม่สนใจว่าต้าเหลียงจะอยู่รอดหรือไม่ แต่เจ้าควรสนใจตัวเองบ้าง!”
ทันทีที่สิ้นประโยค หมัดที่กำแน่นของจิ่งเชียนอิ่งพลันคลายลง ดวงตาฉายชัดถึงความไม่เต็มใจและความจนปัญญา
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคำพูดของฮูหยินฉินแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของจิ่งเชียนอิ่ง แม้แต่นางที่คิดว่าตัวเองมีหัวใจแข็งกระด้างดุจศิลาก็ยังต้องยอมจำนน
…
เมืองหลวง การประชุมราชสำนักในท้องพระโรง
ฉินเทียนหู่รายงานสถานการณ์กองทัพทางตอนเหนือต่อหน้าขุนนางบุ๋นบู๊อย่างไม่ช้าไม่เร็ว
“ตอนนี้กองทัพเป่ยตี๋ได้บุกรุกดินแดนต้าเหลียงของเราทั่วทุกพื้นที่ ตามข่าวกรองล่าสุด แม่ทัพศัตรูเฉินซือยังมีทหารอยู่ในมืออย่างน้อยหนึ่งแสนสองหมื่นนาย”
“ส่วนกองทัพทั้งสามทางชายแดนเหนือของเรารวมถึงอำเภอเป่ยซีก็มีจำนวนเกือบเท่ากัน ทว่าเนื่องจากการสู้รบที่ดุเดือดครั้งก่อน กองทหารชายแดนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง คุ้มกันเมืองพอได้ แต่การรุกโจมตีอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมในศึกครานี้พ่ะย่ะค่ะ”
“นอกจากนี้ กองทหารของเฉินซือกำลังเข้าใกล้เขตที่นา แม้ว่าพืชผลส่วนใหญ่จะถูกย้ายไปยังพื้นที่หลบเลี่ยงสงคราม แต่เนื่องจากทุกอย่างเร่งรีบจึงยังมีพืชพันธุ์ธัญญาหารจำนวนมากเหลืออยู่ในเขตที่นา ทันทีที่เฉินซือบุกรุกเข้าสู่เขตที่นาและปล้นเสบียงที่เหลือไปก็เพียงพอจะเสริมเสบียงให้กองทัพศัตรูได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้สถานการณ์ถึงทางตัน แม่ทัพรถม้าศึกกำลังปกป้องแนวป้องกันสุดท้าย แม่ทัพทหารม้าและอำเภอเป่ยซีกำลังขนาบโจมตีกองทัพของเฉินซือจากทางซ้ายขวา กองทัพชายแดนยังคงปกป้องเมืองเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสามารถปิดกั้นเส้นทางของศัตรู ปิดล้อมกองทัพจากด้านหลังทำให้ขอบเขตการเคลื่อนไหวกองทัพของเฉินซือลดลงไปได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากได้ยินรายงานของฉินเทียนหู่บรรยากาศในท้องพระโรงอึมครึมอย่างยิ่ง
หลังจากที่ฮ่องเต้ต้าเหลียงประทับลงบนบัลลังก์มังกร เอามือเท้าคางแล้ววาดภาพสนามรบทั้งหมดในใจ แต่ก็รู้สึกว่าไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง เขาจึงตรัสถามฉินเทียนหู่อีกประโยค “ขุนนางรัก เจ้าคิดว่าเรากับศัตรูใครกำลังได้เปรียบ?”
ฉินเทียนหู่โพล่งออกมาอย่างไม่ลังเล “แน่นอนว่าเป็นต้าเหลียงของเราพ่ะย่ะค่ะ เวลาฟ้าดินและกำลังคนที่เหมาะสมอยู่ข้างเรา ตราบใดที่เราสู้ต่อ เป่ยตี๋จะต้องพ่ายแพ้!”
ทันทีที่สิ้นประโยค ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงเองก็เผยสีหน้าแห่งความสุขเช่นกัน
แต่ทั้งฮ่องเต้ต้าเหลียงและฉินเทียนหูรู้อยู่แก่ใจว่าคำพูดอันงดงามเป็นเพียงสิ่งที่จำเป็นต้องพูดในตอนนี้และเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ยิน
ยามนี้ ภายนอกมีกองทัพเฉินซือกำลังต่อสู้จนตัวตายอยู่ในสนามรบ ภายในมีกลุ่มขั้วอำนาจทางใต้ที่ยังสงบนิ่ง แม้แต่ในท้องพระโรงของราชสำนักก็เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ เวลานี้ไม่อาจพูดสิ่งใดที่ทำร้ายจิตใจผู้คนได้
ทว่าการรักษาจิตใจของผู้คนให้มั่นคงเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การอยู่กับความจริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ