บทที่ 507 รวมพลกองกำลังปราบปรามศัตรู
ตกกลางคืน ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
ที่ตีนเขาชิงอวี้ของเป่ยตี๋มีกองกำลังค้นหาและปราบปรามจำนวนหกพันนายเข้าล้อมภูเขาทั้งหมด
สวี่เชียนย้ายค่ายไปที่ตีนเขาชิงอวี้โดยตรงเพื่อควบคุมความคืบหน้าของการโจมตีบนภูเขาให้ทันกาล
กองทหารหกพันนายที่ส่งมาจากอำเภอต่าง ๆ ตั้งกระโจมตรงจุดนั้นเพื่อพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับการปิดล้อมภูเขาชิงอวี้ครั้งที่สองในเช้าวันรุ่งขึ้น
สวี่เชียนยืนอยู่นอกค่าย จ้องมองไปที่ภูเขาชิงอวี้ด้วยสายตาดุร้าย
นับตั้งแต่ที่เขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ สวี่เชียนก็พะว้าพะวังในใจตลอดเวลา เขาแอบสาบานกับตนเองว่า หากไม่อาจสังหารพวกโจรบนภูเขาชิงอวี้ให้สิ้นซากได้จะไม่ขอเป็นมนุษย์!
จนกระทั่งยามจื่อ สวี่เชียนก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับความโมโห
ห่างจากทิศใต้ของค่ายทหารกลางออกไปห้าลี้ เป็นค่ายพักอย่างเรียบง่ายของกองพลพญาอินทรี
ในกระโจม เฉินผิง หม่าหนิง และผู้นำหน่วยนกฮูกราตรียังคงล้อมอยู่บนโต๊ะทรายเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของภูเขาชิงอวี้
ตอนแรกเฉินผิงวางแผนที่จะรอให้สวี่เชียนประสบความสูญเสียติด ๆ กันหลายครั้ง จากนั้นจึงรายงานให้เบื้องบนปลดอีกฝ่ายออกจากตำแหน่งผู้คุมกองทัพแล้วค่อยคิดหาวิธีปิดล้อมภูเขาชิงอวี้
ปรากฏว่า… ไม่มีใครคาดคิดว่าสวี่เชียนจะเป็นคนชั่วที่ฟ้องร้องคนอื่นก่อน เขาส่งคนไปที่แนวหน้าเพื่อฟ้องร้องเฉินผิงอย่างรุนแรงโดยอ้างว่า ‘เฉินผิงละเลยศัตรูไม่ช่วยออกหน้า’
เฉินผิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าสวี่เชียนกำลังคิดจะหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ พูดให้ถูกก็คือโยนความผิดให้กับเขา
เบื้องบนไม่พอใจมากเมื่อรู้ว่าการปราบปรามพวกโจรต้าเหลียงไม่ประสบความสำเร็จจึงส่งทหารส่งสารมาตำหนิเฉินผิงทันที ทั้งยังสั่งให้เฉินผิงร่วมมือกับสวี่เชียนโดยไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย
นอกจากนี้เขายังได้รู้ข้อมูลจากผู้นำหน่วยนกฮูกราตรีว่า อาจารย์ของสวี่เชียนและเบื้องบนที่แนวหน้าเป็นสหายร่วมศึกษากัน
เฉินผิงเองก็หมดปัญญา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการฝืนโจมตีบนภูเขาจะตรงกับความปรารถนาของศัตรู แต่เขาก็ทำได้แค่กัดฟันโจมตีต่อเท่านั้น
ในเมื่อต้องสู้ก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฆ่ากองกำลังของศัตรู ตราบใดที่อีกฝ่ายเริ่มสูญเสียกำลังพลก็จะเป็นชัยชนะของฝ่ายเรา
แต่นับจากการโจมตีบนภูเขาครั้งล่าสุดนี่ก็ผ่านไปสามวันเต็มแล้ว!
สวี่เชียนผู้นั้นไม่เข้าใจว่า ‘คำสั่งทหารหนักแน่นดุจขุนเขา’ หมายความว่าอย่างไร เดิมทีเขาขู่ว่าจะโจมตีภูเขาในวันรุ่งขึ้น แต่เนื่องจากกำลังเสริมยังมาไม่ถึงจึงล่าช้าเป็นเวลาถึงสามวัน
เรียกอย่างสวยงามว่า รอประสบความสำเร็จในคราวเดียว
ประสบความสำเร็จในคราวเดียวมารดามันสิ ผู้ที่ยึดฐานที่มั่นในภูเขาชิงอวี้มิใช่โจรป่าแต่เป็นทหารค่ายเทียนจี ใครจะรู้ว่าในช่วงสามวันที่ผ่านมาบนภูเขามีการวางกับดักมากมายแค่ไหนแล้ว!
หม่าหนิงที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านแม่ทัพ มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่”
“ตอนที่พวกเรากลับมาเสริมกำลังก็เป็นเพราะอยากล้างแค้นให้พี่น้องกองพลพญาอินทรี แต่ตอนนี้กลับต้องติดพันอยู่ที่นี่ การทำงานกับคนอย่างสวี่เชียนแย่กว่าการเผชิญหน้ากับทหารม้าทมิฬแห่งเป่ยซีเสียอีก! อย่างน้อยตอนยิงธนูโต้กัน เวลานั้นทุกคนต่างมีสองไหล่และหนึ่งหัว ใครรอดใครตายก็เป็นเพียงเรื่องของโชคชะตา”
“ไหนเลยจะเหมือนตอนนี้? ช่างขี้ขลาดจริง ๆ!”
เฉินผิงรู้สึกพะอืดพะอมราวกับว่ากลืนแมลงวันลงไป แต่เขาเองก็หมดหนทาง ใครใช้ให้สวี่เชียนเป็นผู้ควบคุมกองทัพเล่า? เราก็ต้องก้มหัวให้คนที่ตำแหน่งสูงกว่าเป็นธรรมดา
“หยุดคร่ำครวญได้แล้ว เอาเวลาไปคิดว่าจะโจมตีภูเขาอย่างไรจะดีกว่า”
ผู้นำของหน่วยนกฮูกราตรีจ้องไปที่แบบจำลองอย่างเรียบง่ายของภูเขาชิงอวี้บนโต๊ะทรายแล้วชี้ไปที่ไหล่เขา “ใช้จุดนี้เป็นเส้นแบ่ง หากเราสามารถบังคับกองทัพศัตรูให้อยู่เหนือไหล่เขาได้ เราก็จะประสบความสำเร็จไปมากกว่าครึ่ง”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ