เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 514

บทที่ 514 ไปห้ามทัพ!

เมื่อเฉินผิงออกคำสั่ง พลธนูของกองพลพญาอินทรีก็เดินไปข้างหน้าโดยไม่กลัวความตาย ฝ่าฝนลูกธนูจากทหารค่ายเทียนจี ในขณะเดียวกันก็ยิงธนูโต้ตอบใส่ไปด้วย

ภายใต้การคุ้มกันของทหารที่ตั้งโล่สองนาย เฉินผิงกลั้นหายใจ เพ่งความสนใจไปที่การเล็งลูกธนูไปยังศีรษะของทหารค่ายเทียนจี

เมื่อสายธนูถูกปล่อยออก ลูกธนูก็โดนหัวของทหารค่ายเทียนจีอย่างแม่นยำ ใครก็ตามที่โดนลูกธนูนี้จะต้องตายอย่างแน่นอน!

แต่เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เพราะหลังจากที่ลูกธนูโดนทหารค่ายเทียนจีแล้วมันกลับกระเด็นออกไป!

จนกระทั่งระยะห่างใกล้มากขึ้น เฉินผิงจึงพบว่าหมวกออกศึกของทหารค่ายเทียนจีมีเกราะป้องกันหัวใจรัดอยู่!

นอกจากนี้ ยังเป็นหมวกออกศึกอย่างง่ายที่ดัดแปลงมาจากเกราะไหล่

ร่างกายส่วนบนหุ้มด้วยเกราะมาตรฐานของค่ายเทียนจี ด้านนอกยังมีเกราะเกล็ดปลาอยู่อีกชั้น

นี่เรียกว่าทหารราบเกราะเบาเสียที่ไหน? เห็นได้ชัดว่าเป็นทหารราบเกราะหนัก!

ไม่แปลกใจเลยที่หลังจากยิงธนูโต้กันแล้ว คู่ต่อสู้จะแทบไม่เกิดการสูญเสียเลย แต่ฝ่ายของเขากลับประสบความสูญเสียอย่างหนัก

การยิงธนูโต้กันอย่างต่อเนื่องมีแต่จะนำไปสู่ทางตาย วิธีเดียวในตอนนี้คือการปกป้องแนวหน้า พุ่งโจมตีโดยใช้อาวุธเช่นแหลน ขวานศึก หรือดาบขอเพื่อต่อสู้ในระยะใกล้

แต่ว่า…

เห็นได้ชัดว่ากองทัพศัตรูเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ มีทหารเพียงไม่กี่นายเท่านั้นที่ถูกแยกมาต่อสู้กับพลธนูทหารราบของเฉินผิงและลูกธนูของทหารส่วนใหญ่ก็พุ่งไปที่แนวหน้าเสมอ

กองพลพญาอินทรีเป็นกองทหารม้าเกราะเบา แม้ว่าเกราะจะหนากว่าทหารราบเกราะเบา แต่ประสิทธิภาพการป้องกันลูกธนูก็ยังด้อยกว่าชุดเกราะหนักอยู่

ประกอบกับความจริงที่ว่าลูกธนูของทหารค่ายเทียนจีเป็นลูกธนูเจาะเกราะเกือบทั้งหมด เมื่อต้องเผชิญกับฝนลูกธนูที่บ้าคลั่ง กองหน้าจากห้าร้อยนายจึงเหลือเพียงสามร้อยนายในชั่วพริบตา!

พร้อมกันนั้นยังได้รับผลกระทบจากกับดักหนามอันหนาแน่นบนพื้น แนวหน้าไม่อาจพุ่งไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงแต่ต้องกระจายตัวแล้วบุกขึ้นไป

หากพวกเขาเผชิญหน้ากับทหารราบฝีมือปานกลาง พวกเขาย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบตามธรรมชาติ แต่ปัญหาคือ… พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับทหารค่ายเทียนจีซึ่งเป็นที่รู้จักในนามยอดทหารราบ!

ทหารค่ายเทียนจีแยกคนออกไปเพียงสิบคน ถือแหลนม้ายาวสองจั้ง อาศัยก้อนหินที่อยู่ข้างหน้าพวกเขากำบัง ประกอบกับความได้เปรียบด้านความยาวของแหลนม้ากระหน่ำแทงไปทางแนวหน้าของเฉินซือที่รุกเข้ามา แม้ว่าจะมีคนบุกขึ้นไปถึงฐานที่มั่นได้ คนผู้นั้นก็คงจะถูกล้อมสังหารทันที

ในขณะที่กองหน้ายังคงสูญเสียกำลังพล กำลังในการรุกก็อ่อนลงเรื่อย ๆ

พลธนูทหารราบของเฉินผิงอยู่ห่างจากฐานที่มั่นของศัตรูไม่ถึงสี่สิบก้าว ในขณะนี้เอง เสียงกลองก็ดังมาจากบนยอดเขาอีกครั้ง ทหารที่อยู่ด้านหลังเข้าร่วมการต่อสู้ทันที

เมื่อจำนวนทหารศัตรูเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ความหนาแน่นของลูกธนูก็ทำให้ความยึดมั่นสุดท้ายของเฉินผิงพังทลายลงทันที

เฉินผิงไม่ลังเลอีกต่อไป ตะโกนจนสุดปอดว่า “ถอย! กองหน้าจงฟังคำสั่ง ถอย!”

กับดักหนามแหลมที่เขาดูถูกเหล่านั้นไม่เพียงแต่ขัดขวางการโจมตีของกองหน้าแต่ยังขัดขวางการล่าถอยอีกด้วย

บุกขึ้นไปว่ายากแล้ว แต่ตอนลงยากยิ่งกว่า!

ขณะที่เฉินผิงถอยออกไป หนิงหู่ก็ไม่ลังเลแล้วสั่งการทันที “ยิงศัตรูให้ได้มากที่สุด!”

ทันทีที่สิ้นประโยค หนิงหู่และทหารสองร้อยนายก็ลุกขึ้นยืน ยิงธนูเข้าใส่แนวหน้าที่กำลังพยายามล่าถอย

กองพลพญาอินทรีซึ่งเป็นที่รู้จักในนามกองพลที่เก่งที่สุดของเป่ยตี๋ ในเวลานี้กำลังถอยหนี กลิ้งหมอบ คนส่วนใหญ่ลงไปตามไหล่เขา หลายคนสะดุดกับดักด้วยความตื่นตระหนกหรือไม่ก็โดนลูกธนูของทหารค่ายเทียนจีปลิดชีพ

กองพลพญาอินทรีเคยหมดสภาพเช่นนี้เสียที่ไหน? แต่เพื่อรักษาชีวิตจะมัวแต่กังวลไม่ได้

เมื่อกองพลพญาอินทรีถอยไปยังพื้นที่ปลอดภัย แนวหน้าจากห้าร้อยนายก็เหลือเพียงหนึ่งร้อยนาย ส่วนพลธนูทหารราบเหลือเพียงหนึ่งพันสองร้อยนายเท่านั้น

ในการต่อสู้ครั้งนี้ กองพลพญาอินทรีที่เฉินผิงถือเป็นความภาคภูมิใจได้ทิ้งร่างไร้วิญญาณทั้งหมดหกร้อยร่างไว้บนไหล่เขา!

บทที่ 514 ไปห้ามทัพ! 1

บทที่ 514 ไปห้ามทัพ! 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ