บทที่ 516 วางเผลิงเผาภูเขา
เมื่อเฉินผิงถูกคุมขัง ทหารม้ากองพลพญาอินทรีที่เหลืออีกพันนายก็รีบตรงไปยังค่าย น่าเสียดายที่กองทัพค้นหาและปราบปรามศัตรูมีจำนวนมากกว่า รวมถึงเฉินผิงก็ตกอยู่ในมือของสวี่เชียน แม้แต่ทหารม้ากองพลพญาอินทรีก็ไม่กล้าทำตัวหุนหันพลันแล่น
เมื่อเป็นเช่นนี้ สวี่เชียนจึงมีอำนาจสั่งการแนวหน้าทั้งหมดอยู่ในกำมือ
สวี่เชียนสั่งให้กองทัพทั้งหมดเตรียมเริ่มโจมตีศัตรูทันที ในเวลาเดียวกันก็สั่งให้จุดไฟเผาภูเขา!
ตอนนี้กำลังเป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศแห้ง ประกายไฟเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจทำให้เกิดภัยพิบัติที่ไม่สามารถควบคุมได้
ในขณะที่ทหารค้นหาและปราบปรามศัตรูโยนคบเพลิงเข้าไปในภูเขาชิงอวี้จากทุกทิศทุกทาง เพลิงไฟที่โหมกระหน่ำก็แพร่กระจายไปในทันที เปลวไฟที่ร้อนแรงส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืน
ฉินเฟิงคิดเอาไว้แล้วว่าศัตรูจะเผาภูเขา แม้ว่าเขาจะเตรียมจิตใจให้พร้อมแล้ว แต่การยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองดูไฟที่ลุกไหม้ไปทุกทิศทาง นายน้อยหนุ่มก็อดทอดถอนใจไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าทหารจะสูญเสียการคุ้มกันจากแนวป่าไม้ของภูเขาไปโดยสิ้นเชิง การรบครั้งต่อไป พวกเขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้แบบประชิดตัวกับศัตรูเท่านั้นและจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดวงตาของหนิงหู่เองก็เคร่งขรึม “ดูเหมือนว่าสวี่เชียนจะไม่ได้ไร้ประโยชน์เกินไปนัก หลังจากยึดอำนาจได้เขาก็เผาภูเขาทันที”
ฉินเฟิงยืนเอามือไพล่หลังเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เปรียบเทียบอันตรายสองสิ่งแล้วเลือกสิ่งที่ส่งผลร้ายน้อยกว่า ในใจของขุนนางโง่เง่า การต่อสู้เพื่ออำนาจต้องมาก่อนเสมอ เมื่อภัยคุกคามรอบตัวถูกกำจัดออกไป ถึงจะมีสมาธิกับการทำงาน”
“บอกทหารทุกนาย แม้ว่าแม่ทัพของศัตรูจะเป็นตัวตลกก็อย่าได้ประมาทอีกฝ่าย”
“รอไฟบนภูเขาดับลง กองทหารศัตรูจะบุกขึ้นมาเป็นแน่ ต่อไป เราจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่หลั่งไหลขึ้นมาราวกับกระแสน้ำ”
เพลิงไหม้นั้นแผดเผาอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน จนค่ำของวันรุ่งขึ้น ไฟบนภูเขาถึงได้ดับสนิท
ในตอนที่ไฟลุกไหม้บนภูเขา ทหารทุกนายก็นอนหลับอย่างสงบ ในเวลานี้ สภาพจิตใจของพวกเขาเปี่ยมล้นด้วยพลัง
ค่ำคืนมาเยือน ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน
แสงไฟขบวนยาวเหมือนมังกร เรียงตัวขึ้นมาจากเชิงเขา มังกรไฟแต่ละตัวเป็นตัวแทนของกองทัพค้นหาและปราบปรามหนึ่งกอง มีมังกรไฟทั้งหมดหกตัว ขณะที่พวกมันเดินหน้ามาเรื่อย ๆ มังกรไฟทั้งหกตัวก็ค่อย ๆ บรรจบรวมกันเป็นสามตัวและสุดท้ายก็กลายเป็นสอง
กองกำลังหลักของกองทัพค้นหาและปราบปรามศัตรูเริ่มจัดการพื้นที่บนไหล่เขาและตั้งค่าย
กองกำลังแนวหน้าเตรียมพร้อมที่จะป้องกันการลอบโจมตีของศัตรู
เมื่อมีการกางกระโจมขึ้นทีละหลัง นั่นหมายความว่าไหล่เขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
ฉินเฟิงเรียกหนิงหู่มากำชับเสียงเบา “บอกให้ทหารผลัดกันพักผ่อน ข้าเกรงว่าคืนนี้พวกเขาจะไม่โจมตีภูเขา อย่างเร็วที่สุดก็ตอนเช้าตรู่ ช้าสุดก็ยามอู่ กองทัพศัตรูถึงจะบุกขึ้นมา”
ตามความเข้าใจของหนิงหู่ที่มีต่อฉินเฟิง ในเวลานี้ในใจของฉินเฟิงคงมีความกดดันอย่างมาก เพียงแต่ไม่ยอมแสดงออกมา
หนิงหู่ลดเสียงลงทันทีและเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “พี่ฉิน สวี่เชียนได้กำจัดเฉินผิงคู่ต่อสู้ที่จัดการยากที่สุดไปแล้ว เราทุกคนรู้ถึงความสามารถของสวี่เชียน ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับมันมากนักก็ได้”
ฉินเฟิงรู้ว่าหนิงหู่กำลังปลอบใจตนเองจึงถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งที
“สวี่เชียนไม่นับว่าเป็นตัวอะไร แต่เขาได้เปรียบด้านเวลา สถานที่ และกำลังคนที่เหมาะสม สามารถส่งทหารรักษาการณ์จากที่ต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าร่วมในสงครามที่ยืดเยื้อนี้ สิ่งสุดท้ายที่เราสามารถทำได้คือการเผาผลาญกำลังของศัตรู อีกอย่าง… ต่อให้สวี่เชียนพ่ายแพ้ เป่ยตี๋ก็จะส่งกองกำลังอื่นมาปิดล้อมและปราบปรามต่อไป”
ฉินเฟิงไม่ได้พูดต่อ ในช่วงเวลานี้ หากพูดมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจง่าย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ฉินเฟิงกังวลมากที่สุดคือความพ่ายแพ้ของสวี่เชียน
เมื่อสวี่เชียนพ่ายแพ้ เป่ยตี๋จะต้องส่งกองกำลังหลักมาล้อมและปราบปรามเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ด้วยกำลังคนไม่มากนักที่ฉินเฟิงมี เกรงว่าเขาอาจจะไม่สามารถฝืนอยู่รอดในการต่อสู้เพียงรอบเดียวได้
ความหวังเดียวในตอนนี้คือสงครามที่ชายแดนเหนือของต้าเหลียงควรจะคืบหน้าไปบ้าง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ