บทที่ 522 สาวใช้ผู้ภักดี
คำพูดขององครักษ์เสื้อแพรได้พิสูจน์แล้วว่าภูเขาชิงอวี้ได้สร้างป้อมปราการและกักตุนเสบียงจำนวนมาก
แต่ถึงกระนั้น การสูญเสียจากการต่อสู้หนึ่งต่อห้าร้อยก็เกินจริงไป
หลิ่วหงเหยียนราวกับตื่นจากความฝัน น้ำตาบนใบหน้าของนางค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความสุข “หมายความว่าเฟิงเอ๋อร์ไม่เพียงแต่สบายดี แต่ยังสังหารทหารศัตรูจนพ่ายแพ้ยับเยินหรือ?”
องครักษ์เสื้อแพรมีสีหน้าจริงจัง “ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ข้าน้อยไม่กล้าตัดสิน มีเพียงกองทัพศัตรูที่ได้รับความสูญเสียอย่างหนักที่เป็นหลักฐานที่ได้ข้อสรุปแล้ว”
ดวงตาของหลี่จางเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ “พลังการต่อสู้ของทหารค่ายเทียนจี ข้ารู้ดี นอกเหนือจากทหารม้าแล้ว แทบไม่มีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้”
“แต่ภูเขาชิงอวี้เป็นภูเขาหิน แม้ว่าทหารค่ายเทียนจีจะครอบครองเส้นทางที่ง่ายต่อการป้องกันและโจมตีได้ยาก แต่การตายของกำลังคนสิบคนแลกกับห้าพันชีวิตของศัตรู มันยากที่จะจินตนาการ…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าฉินเฟิงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เพราะความภักดีของทหารค่ายเทียนจีที่มีต่อฉินเฟิงเรียกได้ว่าถึงระดับสูงสุดแล้ว
ในเมื่อยังมีทหารค่ายเทียนจีจำนวนมากบนภูเขาชิงอวี้ เช่นนั้นฉินเฟิงก็ต้องปลอดภัย
เพราะแม้ว่าจะต้องตาย ทหารค่ายเทียนจีก็ต้องให้ฉินเฟิงตายเป็นคนสุดท้าย
หลี่จางรู้คุณสมบัติทางทหารของฉินเฟิง ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่เฉินซือก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แต่… ต้องเผชิญกับการล้อมโจมตีอย่างหนักของกองทหารมากกว่าหมื่นคน ทั้งยังติดอยู่ในดินแดนของศัตรู ภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างยิ่งเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น แต่กองทหารศัตรูกลับได้รับความสูญเสียอย่างหนัก
หรือว่าข่าวลือที่ชาวบ้านพูดกันว่าฉินเฟิงเป็นเทพสงครามกลับชาติมาเกิดจะเป็นความจริง?
แม้แต่หลี่จางก็ไม่อยากจะเชื่อว่าใต้หล้านี้จะมีแม่ทัพที่ไร้เทียมทานขนาดนี้…
องครักษ์เสื้อแพรพูดเฉพาะสิ่งที่รู้และไม่เคยคาดเดาอย่างมั่วซั่ว “แม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศในเป่ยตี๋ก็แห้งและเย็น แต่ศพหลายพันศพจะต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดโรคระบาด”
“ศัตรูจึงฝังศพเป็นจำนวนมากทุกวัน ข้าน้อยแอบสอดแนมพบว่าแท้จริงแล้วมีศพมากมาย… ที่ไม่สมประกอบ”
“มันไม่สมประกอบจนเกือบจะเรียกว่าเศษซาก ศพจำนวนมากถูกเก็บรวบรวมในกระสอบทิ้งลงในหลุมฝังศพ”
“เห็นได้ชัดว่าทหารศัตรูจำนวนมากถูกก้อนหินทับตาย”
“นอกจากนี้… ทหารศัตรูที่ฝังศพยังคุยกันว่าแปลกมากที่แม้จะไม่มีเครื่องมือและไม่มีคนงานเหมืองมืออาชีพ พวกคนบนภูเขาก็สามารถขุดและระเบิดหินได้จำนวนมาก”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือยอดเขาชิงอวี้ทั้งหมดถูกตัดขาด ด้านตะวันออก ตะวันตกและเหนือกลายเป็นหน้าผาทั้งสามทิศทาง มีเพียงทางใต้เท่านั้นที่สามารถโจมตีได้”
คราวนี้หลี่จางถึงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขาตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง
เสิ่นชิงฉือก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน
ฉินเฟิงมีกำลังคนเพียงสองร้อยคน เขาไม่เพียงแต่ต้องต่อต้านการโจมตีของกองทหารนับหมื่นเท่านั้น แต่ยังสร้างฐานที่มั่นและกักตุนเสบียงอีกด้วย หรือว่าฉินเฟิงมีเทพเซียนคอยช่วยเหลือจริง ๆ? หรือว่า… ตัวเขาเองเป็นเทพสงครามมาเกิดกันแน่?
ผู้คนในที่แห่งนั้นล้วนเป็นคนที่ฉลาดที่สุดของอำเภอเป่ยซีหรือกล่าวได้ว่าของต้าเหลียง
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉินเฟิงทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
หลิ่วหงเหยียนไม่สนใจมากนัก ตราบใดที่ยืนยันได้ว่าฉินเฟิงสบายดี หัวใจที่เป็นกังวลของนางก็สงบลง ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากขอให้ฉินเฟิงปลอดภัย กลับได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากประตูเรือนก่อน
หลังจากนั้นเสี่ยวเซียงเซียงและชูเฟิงที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าก็วิ่งเข้ามา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ