บทที่ 529 สวรรค์ตัดทางรอดของข้า
เมื่อเห็นทหารนอนแผ่อยู่บนพื้นไม่มีกำลังใจจะอยู่ต่อแล้ว ฉินเฟิงก็หยิบแหลนขึ้นมา ใช้ด้ามของมันทุบตีและดุด่าเหล่าทหาร บังคับให้พวกเขาลุกขึ้นและเดินทางต่อ
ฉินเฟิงใช้แหลนเป็นไม้เท้า ย้ายไปอยู่ที่ด้านหลังของขบวนที่เดินกันอย่างโซซัดโซเซเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครตกหล่น
น่าเสียดายที่ทุกคนมาถึงขีดจำกัดแล้ว หลังจากเดินได้เพียงสองถึงสามลี้ก็มีคนล้มลงกับพื้น ไม่ว่าฉินเฟิงจะทุบตีและดุด่าอย่างไรก็ไม่ยอมลุกขึ้น
“นายน้อย ข้าเดินไม่ไหวแล้วจริง ๆ ข้าไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว คอของข้ารู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้ ร่างกายของข้าไม่มีแรงเหลือแล้ว…”
ทหารที่นอนอยู่บนพื้นมีดวงตาที่ว่างเปล่าอย่างยิ่ง “พวกเจ้าไปก่อน ไม่ต้องสนใจข้า ข้าไม่ไหวแล้ว”
ฉินเฟิงกำลังจะด่าอีกหนึ่งยก แต่ถูกหนิงหู่พูดแทรกขึ้นมา
“พี่ฉิน เจ้าพูดมาตามความจริงเถอะ อีกไกลแค่ไหนกว่าจะออกจากดินแดนไร้มนุษย์ได้?”
หนิงหู่ก็นอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงเช่นกัน
ในเวลานี้การเอ่ยหลอกลวงอีกครั้งไม่มีความหมายอะไร ฉินเฟิงทำได้แค่บอกความจริง “อีก… สี่ร้อยลี้”
เมื่อได้ยินระยะทางที่แท้จริง ทหารทุกนายก็ล้มตัวลงนอน หมดกำลังใจไปทันที
สี่ร้อยลี้…
ในยามปกติ สำหรับทหารค่ายเทียนจีแล้วไม่นับว่าระคายมือ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีแต่ลมพัดและแสงแดดแผดเผา รวมถึงการขาดน้ำอย่างรุนแรง ความแข็งแกร่งทางกายภาพของทหารถูกทำลายหมดสิ้น ระยะทางการเดินทัพของแต่ละวันมีขีดจำกัดแค่ยี่สิบลี้ ทั้งยังต้องพึ่งพาการทุบตีและด่าทอของฉินเฟิงเพื่อฝืนตัวเองให้เดินต่อไป
ด้วยร่างกายของเหล่าทหารในตอนนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลายี่สิบวัน ถึงจะข้ามดินแดนไร้มนุษย์ไปได้
หนิงหู่นอนอยู่บนพื้น ค่อย ๆ หลับตาเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ยอมแพ้เถิด พี่น้องจะได้พักด้วยกันที่นี่ อย่างน้อยจะได้มีเพื่อนร่วมทางในนรก”
แม้แต่หนิงหู่ก็พูดแบบนี้ เรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยของฉินเฟิงจึงหายไปโดยพลัน
ตุ้บ!
ฉินเฟิงคุกเข่าลงบนพื้น มองดูแสงจันทร์อันอ้างว้างบนท้องฟ้า อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ ใช้กำลังที่เหลือตะโกนเสียงดัง “ศัตรูทางการเมืองของราชสำนักทำอะไรข้าได้บ้าง กองทัพเป่ยตี๋ก็เป็นแค่พวกขี้แพ้ แต่วันนี้สวรรค์ต้องการตัดทางรอดของข้าฉินเฟิงใช่หรือไม่?”
ฉินเฟิงจ้องมองไปยังขอบฟ้าที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้น ยอมแพ้อย่างหมดหนทาง
แม้กระทั่งตอนนี้ ฉินเฟิงยังคงเชื่อมั่นว่าไม่มีใครในใต้หล้านี้ที่สามารถเอาชนะเขาได้
น่าเสียดายที่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ต่อหน้าธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ แม้จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังเป็นแค่มดตัวจ้อย!
ตอนนี้ เขาแค่รู้สึกเสียใจต่อพ่อแม่ เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ พี่หญิงทั้งสี่ และสาวใช้ส่วนตัวสองคน
รวมถึงฉินเสี่ยวฝู… สวีโม่ จ้าวอวี้หลง หลี่หลาง หลี่จาง
และชาวบ้านในอำเภอเป่ยซีทุกคนที่คาดหวังในตัวเขา
“ไอ้สวรรค์บัดซบ… คราวนี้ข้าแพ้แล้ว”
ในตอนที่ฉินเฟิงยอมแพ้ เสียงกีบม้าที่ฟังดูหนาแน่นและรวดเร็วก็ทำลายความเงียบสงบของท้องนภายามค่ำคืน
ภาพหลอน…
ฉินเฟิงที่ด้านชา ไม่สนใจเสียงกีบม้าที่ดังมาจากไกล ๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสียงกีบม้าก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนสนั่นแก้วหู ราวกับว่าทั้งโลกสั่นสะเทือนภายใต้การเหยียบย่ำของมัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ