บทที่ 548 ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง
ถนนคับแคบเบียดเสียดด้วยเหล่าชนชั้นสูงหลายพันคน ทหารรักษาพระราชวังล้อมมาจากสองฟากถนน ขณะที่เหล่าทหารแห่งอำเภอเป่ยซีประจำอยู่หน้าประตูจวนตระกูลฉิน
กองทัพทั้งสองประจันหน้า เสียงพูดคุยของผู้คนรอบ ๆ ดังระงม บรรยากาศราวกับว่าสงครามครั้งใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้น
เฉิงเมิ่งเดินตรงมาข้างหน้า จ้องมองไปยังเหล่าทหารจากอำเภอเป่ยซีด้วยสายตาเฉียบคม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจและเด็ดขาด
“กองทัพบ้านอกเช่นพวกเจ้า กล้ามาอาละวาดในเมืองหลวงเชียวหรือ?”
“ความผิดของพวกเจ้ามีโทษถึงชีวิต!”
“ยังไม่เร่งถอยไปอีก!”
เมื่อเผชิญหน้ากับเฉิงเมิ่งผู้เกรี้ยวกราด เหล่าทหารเป่ยซีมิได้แสดงอาการหวั่นกลัวแม้แต่น้อย
แม้กองทัพตรงหน้าจะมีจำนวนคนมากกว่าและอาวุธครบมือ
กระนั้นทหารอำเภอเป่ยซีผู้ผ่านสมรภูมิรบมานับครั้งไม่ถ้วนก็มิได้หวั่นไหว
“สถานที่แห่งนี้คือจวนตระกูลฉิน ใต้เท้าฉินดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหม ส่วนนายน้อยฉินก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นว่านฮู่โหว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งขุนนางล้วนสูงส่ง”
“รองผู้บัญชาการเฉิง แม้ท่านจะมีตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระราชวัง แต่ก็ไม่มีสิทธิ์บุกเข้ามาจับกุมคนในจวนตระกูลฉินอย่างไม่มีเหตุผล”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าใคร่ถามท่านรองผู้บัญชาการเฉิงหน่อยว่า… แท้จริงแล้วผู้ใดกันแน่ที่ก่อกบฏ?”
เฉิงเมิ่งหรี่ตามอง
เขาไม่คิดว่าทหารไร้ชื่อจากอำเภอเป่ยซีจะกล้าต่อกรกับตนเองที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระราชวัง
สมร่ำลือที่ว่า ทหารแห่งอำเภอเป่ยซีไม่ธรรมดา!
อาศัยว่ามีกองทัพแข็งแกร่งอยู่ชายแดนเหนือ เหล่าทหารจากอำเภอเป่ยซีถึงได้มีท่าทีมั่นใจเช่นนี้
พูดกันตามความจริง หากให้กองทหารรักษาพระราชวังสู้กับทหารเป่ยซี เฉิงเมิ่งก็ไม่มั่นใจนัก
ระดับยุทโธปกรณ์ของทั้งสองกองทัพทัดเทียมกัน สิ่งที่จะวัดผลแพ้ชนะจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการสู้รบจริง
แม้ทหารรักษาพระราชวังจะมีการฝึกฝนอยู่ทุกเดือน แต่เมื่อเทียบกับทหารจากชายแดนเหนือที่ผ่านสนามรบมาก็ยังนับว่าด้อยกว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้ใดบอกว่าข้ามาจวนตระกูลฉินเพื่อจะจับกุมคน นี่ไม่เท่ากับฟังความข้างเดียวเกินไปหรือ? ข้าเพียงรู้มาว่าท่านหนานแห่งอำเภอฝูอวิ้นสละชีพเพื่อแคว้น ข้าเองก็เป็นทหาร เป็นรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระราชวัง ข้าตั้งใจเดินทางมาเพื่อเคารพศพก็เท่านั้น”
“หรือแม้กระทั่งมาเคารพศพก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปหรือ? การกระทำนี้ดูจะไร้มารยาทไปหน่อยกระมัง”
ทหารจากอำเภอเป่ยซีไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เพียงแค่เหลือบมองไปยังทหารรักษาพระราชวังรอบ ๆ
“หากเป็นท่านรองผู้บัญชาการ ท่านจะเชื่อในสิ่งที่ตัวท่านเพิ่งพูดออกมาหรือไม่? ท่านมาคราวนี้เพื่อเคารพศพข่มขู่ ท่านเองย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าบอกกระมัง”
“นายน้อยของข้าอยู่ในจวน หากท่านรองผู้บัญชาต้องการจะคารพศพจริง ๆ ก็เชิญเข้าไปเถิด ส่วนทหารรักษาพระราชวังคนอื่น ๆ จะเข้าไปได้หรือไม่… นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเองแล้ว!”
ตั้งแต่เฉิงเมิ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระราชวังมา มิเคยมีผู้ใดกล้าเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้กับเขามาก่อน
แต่วันนี้เขากลับถูกทหารเฝ้าประตูผู้ต่ำต้อยสั่งสอน
เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงคิดแตกหักกับฝ่าบาทจริง ๆ
เฉิงเมิ่งหันหลังกลับช้า ๆ ก่อนจะขยิบตากับทหารที่อยู่ใกล้ ๆ
ในเมื่อนายน้อยฉินคิดท้าทายอำนาจของฝ่าบาท
เช่นนั้นก็ต้องชดใช้
ที่นี่คือเมืองหลวง ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ มิใช่สถานที่ที่ทหารจากอำเภอเป่ยซีจะมาแผลงฤทธิ์!
ทว่าขณะที่เฉิงเมิ่งเตรียมจะออกคำสั่ง หวังทดสอบกำลังรบของทหารอำเภอเป่ยซี ทหารส่งสารก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน
“ท่านรองผู้บัญชาการ ฝ่าบาทมีรับสั่งห้ามปะทะกับทหารของฉินเฟิงขอรับ!”
เดิมทีเฉิงเมิ่งก็ไม่ได้ตั้งใจจะปะทะกับเหล่าทหารของฉินเฟิงอยู่แล้ว
เพียงแค่อยากลองเชิงดูเท่านั้น หากศัตรูร้ายกาจจะได้หาวิธีอื่นจัดการ
ตอนนี้หากจะต้องถอยออกไปง่าย ๆ ทหารรักษาพระราชวังจะไม่ขายหน้าหรอกหรือ?
ดวงตาของเฉิงเมิ่งหรี่ลง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ในเมื่อเป็นพระบัญชาของฝ่าบาท ข้าก็ต้องปฏิบัติตาม แต่ข้ายังอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดฝ่าบาทจึงมีรับสั่งเช่นนี้”
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงคาดการณ์ไว้แล้วว่าเฉิงเมิ่งจะไม่พอใจ
เพราะเหล่าทหารรักษาพระราชวังและเหล่าทหารในเมืองหลวงล้วนไม่เคยถูกผู้ใดอาจหาญล่วงเกินเช่นนี้
ทหารส่งสารจึงรีบร้อนอธิบาย
“ท่านรองผู้บัญชาการ ฝ่าบาทได้รับสารด่วนจากแผ่นดินจงหยวนความว่า กองทัพชายแดนเหนือเคลื่อนกำลังพลลงใต้เป็นระยะทางห้าสิบลี้แล้วขอรับ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ