บทที่ 557 เกือบจะเกิดสงครามกลางเมือง
ไม่ว่าจะเป็นทหารประจำการที่เมืองหลวงหรือพวกข้าราชสำนักจงหยวนก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่ขาดประสบการณ์ในสงคราม
หลังผ่านการตกตะกอนมาหลายชั่วอายุคน ความเหี้ยมโหดของกองทัพผู้กล้าหาญที่สถาปนาแผ่นดินต้าคังในสมัยนั้นได้เลือนหายไปนานแล้ว
ส่วนกองกำลังที่สะสมไว้ในจวนว่าการมณฑลต่าง ๆ ยิ่งไม่คู่ควรให้เป็นคู่ต่อสู้
ลองมองดูทหารของชายแดนเหนือสิ พวกเขายืนประจันหน้ากับกองกำลังป่าเถื่อนของเป่ยตี๋ที่แนวหน้าของชายแดนแคว้นต้าเหลียงตลอดมา
ประสบการณ์ในสงครามของพวกเขามากกว่ากองทหารประจำการในเมืองหลวงและพวกราชสำนักจงหยวนไม่รู้กี่เท่า
พวกขยะที่แม้แต่เป่ยตี๋ยังสู้ไม่ได้ยังกล้ามาเห่าหอนใส่ทหารชายแดนเหนืออีกหรือ?
หากคนเหล่านั้นทำให้ฉินเฟิงโกรธเคืองขึ้นมา กองทัพอันยิ่งใหญ่ของเขาก็จะบุกเข้าไปปราบสวะที่เรียกตนว่าทหารชั้นยอดพวกนั้นให้สิ้นซาก!
จิตสังหารอันรุนแรงที่แฝงอยู่ในถ้อยคำของฉินเฟิงทำให้แม้แต่ฉินเทียนหู่ยังตกใจจนขนลุกซู่
นายน้อยแห่งอำเภอเล็ก ๆ กล้าท้าทายฮ่องเต้ซึ่ง ๆ หน้า และไม่ลังเลที่จะก่อสงครามกลางเมือง…
เขาใช่พ่อค้าตัวน้อยที่สั่นสะท้านและคอยประจบสอพลออยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเมื่อก่อนจริง ๆ หรือ?
สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงนิ่งเฉย เขาเองก็จ้องมองฉินเฟิงเช่นกัน
มีเพียงจางซิวเย่ที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกรเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่ามือของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงที่วางอยู่ใต้โต๊ะสั่นเทา
ไม่รู้ว่าเพราะโกรธจนเกินไป เพราะเสียดาย เสียใจ หรือเพราะบางทีอาจจะ… เกรงกลัวกันแน่?
มีเพียงฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเท่านั้นที่รู้ถึงจิตใจของตนเองในตอนนี้
เวลาผ่านไปนาน กว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉินเฟิง แม้กองทัพต่าง ๆ จะขาดประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับเป่ยตี๋”
“แต่ก็ยังมีคนเก่ง ๆ มากมาย และแม้จะได้คนเก่งเพียงหนึ่งในร้อยก็สามารถเลือกหาผู้ที่เหมาะสมได้อยู่ดี”
นัยว่า แม้ทหารชายแดนเหนือของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่มีทางสู้กับทั้งแคว้นต้าเหลียงได้หรอก
แค่ใช้กลยุทธ์การรบแบบถ่วงเวลาก็สามารถทำให้ชายแดนเหนือตายไปเองได้!
ทว่าฉินเฟิงกลับไม่คิดเช่นนั้น วาจาของเขาเต็มไปด้วยความสบายอกสบายใจ
“คนมากก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะมากคนก็มากความคิดเช่นกัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ราชทูตคณะนี้ย่อมมีคนที่คอยสร้างความวุ่นวายอยู่บ้าง หากฝ่ายนั้นจงใจก่อกวนระหว่างการเจรจา แล้วฝ่าบาทจะทำอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
ถ้อยคำของฉินเฟิงสามารถจี้จุดอ่อนของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงได้
อย่าลืมว่ายังมีตระกูลใหญ่ทางใต้คอยจับตาดูอยู่ หากถึงคราวคับขัน เขาอาจจับมือกับตระกูลใหญ่ทางใต้ก็เป็นได้!
เมื่อสงครามมาถึงย่อมรู้ได้ว่าผู้ใดจงรักภักดี ผู้ใดคิดทรยศ
กองทหารประจำเมืองหลวงและแผ่นดินจงหยวน กองกำลังของเหล่าเสนาบดี รวมถึงกองกำลังประจำจวนว่าการมณฑลจะยังคงมีความสามัคคีแน่นแฟ้นเหมือนแผ่นเหล็กอีกหรือไม่ มิอาจคาดเดาได้
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงค่อย ๆ สูดลมหายใจ
เพียงแค่การกระทำอันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ในสงครามแห่งเล่ห์เหลี่ยมและการประลองปัญญานี้ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงได้พ่ายแพ้ไปแล้ว
ในมือของฉินเฟิงมีแค่ชายแดนเหนือเพียงแห่งเดียว แต่มีกองกำลังที่แกร่งกล้าจนไม่อาจละเลยได้
ตรงกันข้าม ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงกลับมีทั้งแคว้นต้าเหลียงอยู่ในกำมือ
ผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสียย่อมไม่หวั่นเกรง ไม่ว่าสงครามกลางเมืองนี้จะดำเนินไปเช่นไร ผู้ที่สูญเสียย่อมเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง
ทั้งฉินเฟิงและฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงล้วนไม่ปรารถนาที่จะก่อศึกภายใน
ไม่มีแม้แต่ความคิดในแง่นั้น ทว่าจากกิริยาวาจาที่แสดงออกมากลับเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพากันไปตาย…
การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นการหยั่งเชิงครั้งสุดท้ายของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง
เขาหยั่งเชิงความมุ่งมั่นของฉินเฟิงดูว่าจะมีโอกาสช่วงชิงอำนาจทางการทหารจากอีกฝ่ายหรือไม่?
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า บัดนี้ฉินเฟิงเปรียบเสมือนเม่น ผู้ใดกล้าแตะเป็นต้องถูกหนามแทงจนมือโชกเลือด
จะช่วงชิงอำนาจหรือ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงสิ้นหวังที่สุด คือไม่ว่าจะเป็นองค์ชายรองหลี่เฉียนหรือตัวเขาเอง เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิงต่างก็ไม่มีทางเอาชนะได้
หากเป็นเมื่อก่อน ขุนนางกรมต่าง ๆ ทั่วทั้งราชสำนักคงจะวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่กล้ากบฏอย่างหนักหน่วง
แต่บัดนี้ ท้องพระโรงกลับเงียบกริบ
เหล่าขุนนางฝ่ายพลเรือนและเหล่าทหารไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก
ความเงียบเช่นนี้เท่ากับการเลือกข้างแล้ว บารมีของฉินเฟิงในเวลานี้ แม้แต่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ยังต้องหลีกเลี่ยง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ