เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 56

บทที่ 56 เอิกเกริกใหญ่โต

“หนิงหู่ เจ้าอยากจะแข่งขันอะไรกับฉินเฟิง?” ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงตรัสถามด้วยท่าทีสบาย ๆ

หนิงหู่ไม่ชักช้าโพล่งออกมาว่า “ยกหม้อ!”

แม้ฉินเฟิงจะห้ามไม่ให้ ‘ต่อสู้ระยะประชิด’ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ห้ามให้ต่อสู้ด้วยรูปแบบอื่น ๆ ศิลปะการต่อสู้นั้นมีหลากหลาย การต่อสู้ด้วยหมัดและลูกเตะเป็นเพียงหนึ่งในนั้น สำหรับแม่ทัพความแข็งแกร่งทางกายภาพเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากหนิงหู่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เขายังติดตามหย่งอันโหวอยู่ตลอดทั้งวันจึงได้รับอิทธิพลเรื่องการรบจากสิ่งที่เคยได้เห็นและได้ยินมาอีกด้วย ในแง่ของความแข็งแกร่งทางกายภาพแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรให้มากความ ท่านโหวน้อยสามารถยกหม้อต้มน้ำขนาดพันชั่งได้โดยไม่กดดันเลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่ผู้อื่นรอบตัวหนิงหู่กลับไม่คิดว่าเขาจะชนะการแข่งขันครั้งนี้

หลี่รุ่ยและคนอื่น ๆ ที่เคยทำสงครามประสาทกับนายน้อยฉินมาก่อนหน้านี้ เข้าใจนิสัยของฉินเฟิงเป็นอย่างดี เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องเสียเปรียบ นายน้อยเจ้าสำราญผู้นี้จะต้องหาวิธีพลิกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน เขาไม่มีวันตอบรับคำท้าของหนิงหู่เป็นแน่

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงรู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นการรังแกกันเกินไป ฉินเฟิงเป็นบัณฑิตสันทัดในเรื่องใช้สมอง หากจะบอกว่าเขา ‘มือไม่มีแรงหักคอไก่’ คงไม่ใช่อะไรที่เกินจริงมากนัก อย่าว่าแต่ยกหม้อน้ำเลย ต่อให้ปูนบำเหน็จเป็นสตรีรูปร่างสูงใหญ่ให้เขาตอนนี้ เจ้านี่ก็คงไม่มีแรงพอที่จะอุ้มกลับบ้าน

“ฉินเฟิง หากเจ้ารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจ”

คำพูดของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเหมือนแสงสว่างส่องทางให้ฉินเฟิง อย่างไรเสีย ฝ่าบาทก็ไม่ได้ต้องการเห็นต้นไม้เงินต้มไม้ทองอย่างบุตรชายเสนาบดีกรมกลาโหมพ่ายแพ้ให้กับหนิงหู่

ในระหว่างที่ทุกคนต่างก็คิดว่าฉินเฟิงไม่มีทางตอบรับ แต่คำตอบของเขากลับเหนือความคาดหมาย

ใบหน้าของนายน้อยฉินเต็มไปด้วยความสงสัย ทำหน้าทำตาประหนึ่งว่า ‘แค่นี้เอง’ เขาเอ่ยต่อ “ไม่ใช่แค่ยกหม้อน้ำหรือ? ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยยกหม้อที่จวนมาก่อนเสียหน่อย มันง่ายและสนุกจะตายไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉิงฟาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขามองฉินเฟิงราวกับอีกฝ่ายเป็นคนโง่เง่า “เจ้าคงไม่ได้แยกความแตกต่างระหว่างหม้อธรรมดากับหม้อของราชวงศ์ไม่ออกกระมัง? ชาวบ้านธรรมดาที่ไหนจะว่างจนหลอมหม้อเหล็กขึ้นมาได้? หากแขนและขาของเจ้าไม่ถูกหม้อนั่นบดขยี้ไปเสียก่อน เจ้าก็ต้องจุดธูปกราบไว้ขอบคุณบรรพชนที่คุ้มครองแล้วล่ะ!”

เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ยู่ริมฝีปากล่างและพึมพำในใจ ‘เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วจริง ๆ!’

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงขมวดคิ้วเมื่อเห็นฉินเฟิงตอบรับอย่างเบิกบาน แต่อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจ แม้ฉินเฟิงจะบ้า ๆ บอ ๆ แต่ก็ไม่ได้โง่ ในเมื่อเขาตอบรับ แปลว่าจะต้องมีกลยุทธ์อยู่ในใจเป็นแน่ บัณฑิตธรรมดา ๆ ผู้หนึ่งจะยกหม้อต้มน้ำได้อย่างไร? ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงอดสนใจในแผนการรับมือของฉินเฟิงไม่ได้

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงโบกพระหัตถ์ทันที “หลี่จ้าน”

ขันทีหลี่โน้มตัวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความนอบน้อม “ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงตรัสโดยไม่อ้อมค้อม “การประลองระหว่างฉินเฟิงและหนิงหู่ถือเป็นการแสดงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของจี้อ๋อง จงส่งต่อรับสั่งของข้า บอกให้ทุกคนมายังจวนจี้อ๋องเพื่อชมการแข่งขันที่สนาม!”

เดิมทีการประลองครั้งนี้เป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างฉินเฟิงและเหล่าลูกหลานขุนนาง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงจะกลัวเรื่องราวไม่บานปลายมากพอ เมื่อมีรับสั่งเช่นนี้ทั้งจวนจี้อ๋องจึงเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที บ่าวรับใช้ในจวนยุ่งเสียจนไฟไหม้หัว พวกเขาต้องรีบยกโต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่งไปยังบริเวณสนาม ในขณะที่บรรดาแขกซึ่งมาเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพกำลังถกเถียงกัน

จวนของจี้อ๋องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายภายในชั่วพริบตา

เลขาธิการกรมคลังติดตามบรรดาแขกเดินไปยังบริเวณสนาม เอ่ยอย่างคนได้ทีขี่แพะไล่ “สมกับเป็นนายน้อยแห่งตระกูลฉิน ช่างกล้าหาญจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าแข่งขันยกหม้อกับท่านโหวน้อย ทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ มีลูกหลานขุนนางที่สันทัดเรื่องหมัดมวยมากมายเท่าใดกัน? เกรงว่าคงมีน้อยคนนักจะกล้าปะทะกับท่านโหวน้อย คำกล่าวที่ว่า บิดาพยัคฆ์ไร้บุตรสุนัข นั้นจริงแท้”

คำพูดนี้ของเลขาธิการกรมคลังมีจุดประสงค์เพื่อเหน็บแนมฉินเทียนหู่ซึ่งอยู่ข้าง ๆ อย่างชัดเจน

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ