เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 560

บทที่ 560 เฉินซือผู้ไร้ยางอาย

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงมิได้ใส่ใจต่อการกระทำอันเกินเลยของเฉินซือ

ด้วยคนทั้งใต้หล้าล้วนรู้ดี แม้เป่ยตี๋จะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นเพราะเสบียงไม่เพียงพอจึงต้อง

ถอยร่น

อีกทั้งเฉินซือยังออกคำสั่งถอยทัพอย่างเฉียบขาดจึงรักษากองกำลังหลักของเป่ยตี๋ไว้ได้

กล่าวได้ว่า เป่ยตี๋ยังคงมีกำลังพลเข้มแข็งและเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแคว้นใกล้เคียง

บัดนี้จู่ ๆ ฉินเฟิงตำหนิเฉินซือว่ากระทำการล่วงเกิน ฮ่องเต้ต้าเหลียงพลันรู้สึกซับซ้อน

ครึ่งหนึ่งชื่นชมฉินเฟิงที่เชิดชูบารมีของแคว้น

แต่อีกครึ่งก็กังวลว่าจะกระทบต่อการเจรจาในภายหลัง

เมื่อใคร่ครวญดู ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงจึงตัดสินพระทัยไม่แทรกแซง เพียงแค่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น

ฉินเฟิงก้าวออกจากฝูงชนมายืนเผชิญหน้ากับเฉินซือ เว้นระยะห่างกันเพียงเจ็ดฉื่อเท่านั้น

ดวงตาดุจเหยี่ยวแสนเฉียบคมจ้องเขม็งไปที่เฉินซือ

“พิธีการจุกจิกอย่างนั้นหรือ?!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดเรียกกว่ามารยาท มารยาทคือกฎเกณฑ์ ความเมตตากรุณา ความเป็นมิตร ความเคารพ และคุณธรรม!”

“แคว้นต้าเหลียงของข้าเป็นแคว้นแห่งจารีตและดนตรีมาแต่ไหนแต่ไร คำว่า ‘มารยาท’ ยิ่งใหญ่ดั่งเขาไท่ซาน พวกป่าเถื่อนอย่างเป่ยตี๋จะหยั่งถึงได้อย่างไร!”

เมื่อคำว่า ‘พวกป่าเถื่อน’ ผุดขึ้น เฉินซือก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้

เหล่าขุนนางในที่นั้นต่างมองด้วยสายตาประหลาดใจแฝงด้วยความหวาดกลัว

คำว่าพวกป่าเถื่อนเป็นคำรุนแรงที่สุดสำหรับเป่ยตี๋ หากทำให้เฉินซือโกรธจนเดินจากไป การเจรจาคงจบลงด้วยความล้มเหลว

แต่ฉินเฟิงไม่สนใจ มิหนำซ้ำน้ำเสียงยังยิ่งแข็งกร้าวขึ้น

“พวกเจ้าเป่ยตี๋ไม่มีสักนิดที่คิดจะเจรจา!”

“ฮ่องเต้เป่ยตี๋ส่งแม่ทัพใหญ่แห่งสนามรบอย่างเจ้ามายังแคว้นต้าเหลียงของข้า ชัดเจนว่าต้องการข่มขวัญ”

“นี่มิใช่ท่าทีที่ผู้แพ้ควรมี!”

“ถึงกระนั้นเจ้าก็มาแล้ว แคว้นต้าเหลียงของข้าไม่ควรไล่แขก!”

“ทว่า… แคว้นต้าเหลียงของข้าล้วนเป็นบัณฑิตผู้มีคุณธรรม จะเอาพวกข้าไปเทียบกับพวกป่าเถื่อนหยาบช้าเยี่ยงพวกเจ้าได้อย่างไร”

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด มีฐานะเช่นไร เมื่อเป็นราชทูต เจ้าต้องคุกเข่าถวายบังคมฝ่าบาทแห่งแคว้นต้าเหลียงของข้า!”

“หากไม่ทำตามก็ถือว่ากระทำผิด มีโทษตัดหู!”

แววตาของฉินเฟิงแข็งกร้าวสุดขีด ไร้ท่าทีเกรงกลัวใด ๆ

เฉินซือต่อสู้กับฉินเฟิงมาตั้งแต่ต้นย่อมรู้จักวิธีการของฉินเฟิงดี

ตราบใดฉินเฟิงเอ่ยออกมา เขาย่อมกระทำอย่างแน่นอน

กระนั้นเฉินซือก็เป็นแม่ทัพที่ผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน จะถูกข่มขวัญด้วยคำพูดเพียงสองสามคำของฉินเฟิงได้อย่างไร

คนทั้งสองจ้องกันเขม็ง

เฉินซือมีแววตาสงบเยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

“ข้าคือราชทูตแห่งเป่ยตี๋ เดินทางไกลนับหมื่นลี้มายังต้าเหลียง แต่ใต้เท้าฉินกลับดูหมิ่นข้าครั้งแล้วครั้งเล่าไม่จบสิ้น นี่หรือคือมารยาทที่ท่านว่า?”

เมื่อเผชิญกับคำถามนี้ ฉินเฟิงตอบกลับเพียงสั้น ๆ ว่า

“มารยาทน่ะมี แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กับใคร!”

“ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจร เมื่อพ่ายแพ้แล้วจะมาเอ่ยถึงศักดิ์ศรีได้อย่างไร?”

“หากแคว้นต้าเหลียงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ข้าคงรู้จักละอายและเจียมตัว!”

การเจรจานั้น แท้จริงแล้วคือการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายของทั้งสองแคว้น ย่อมดุเดือดไม่แพ้ในสนามรบ

หากก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว ความได้เปรียบที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของเหล่าทหารกล้าย่อมไร้ประโยชน์ในพริบตา

เป็นไปไม่ได้เลยที่ฉินเฟิงจะยอมสูญเสียเลือดเนื้อของเหล่าทหารและชาวเมืองไปโดยเปล่าประโยชน์

ยามนี้ย่อมไม่มีคำว่าน้ำใจไมตรีใด ๆ อีกต่อไป

ฉินเฟิงต้องการจะทำให้เฉินซืออับอายต่อหน้าธารกำนัล ระบายความโกรธแค้นในใจให้หมดสิ้น และตบหน้าฮ่องเต้เป่ยตี๋อย่างหนักหน่วง

เขาจะทำให้เป่ยตี๋เลิกเพ้อฝันและเจรจาสันติภาพอย่างซื่อตรง

ส่วนเฉินซือ แม้จะเป็นแม่ทัพคนสำคัญของเป่ยตี๋ แต่จะมีความหมายอันใด

เมื่อมายังดินแดนต้าเหลียง ไม่ว่าจะเป็นมังกรหรือเสือก็ต้องหมอบราบลง!

“คุกเข่า คารวะ! ถวายความเคารพ!”

ฉินเฟิงเอ่ยทีละคำ น้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกว่าไม่รับการโต้แย้งใด ๆ

คำพูดนี้เป็นการจู่โจมอย่างรุนแรง เฉินซือจึงโกรธขึ้นมา

บทที่ 560 เฉินซือผู้ไร้ยางอาย 1

บทที่ 560 เฉินซือผู้ไร้ยางอาย 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ