บทที่ 568 ไม่ไว้หน้า
ฉินเฟิงกับเฉินซือต่างเป็นผู้นำของฝ่ายตน เป็นตัวแทนของแว่นแคว้นและประชาชน
ในสนามรบ ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด คิดหาทางกำจัดอีกฝ่ายให้ได้
แม้พวกเขาจะทำลายกันไม่ได้ แต่ก็พยายามหาทุกวิถีทาง สังหารกำลังพลของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
ทว่าความแค้นถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมโลกกลับยุติลงอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่นอกสนามรบ
หากไม่เอ่ยถึงความแค้นระหว่างแคว้น ฉินเฟิงกับเฉินซือก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ต่อกัน
แม้การตายของหลี่หลางทำให้ฉินเฟิงตกอยู่ในวังวนแห่งความแค้นโดยไม่รู้ตัว ไม่อาจถอนตัวออกมาได้
เพราะไม่สามารถแก้แค้นให้หลี่หลางได้ ฉินเฟิงจึงอึดอัดนัก เฝ้าคิดหาทางออกอย่างสับสน
เขาต้องหาผู้มารองรับความโกรธแค้นนี้ไว้ จึงโยนความเกลียดชังทั้งหมดไปที่แม่ทัพฝ่ายศัตรู
ตอนนี้พอได้สติ ฉินเฟิงจึงค่อย ๆ เข้าใจว่า หากความแค้นจะต้องตกอยู่กับผู้ใด ก็ควรจะเป็นเป่ยตี๋ทั้งหมด
หาใช่เฉินซือที่เพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น
ความโกรธแค้นที่ฉินเฟิงมีต่อเฉินซือจางหายไปอย่างสิ้นเชิง
ภายในใจนายน้อยฉินยังคงระลึกถึงหลี่หลาง แต่บัดนี้เฉินซือก็ได้ให้บทเรียนชีวิตที่สำคัญแก่เขา
หากจะเสียกำลังไปกับผู้ตายไปแล้ว ไม่สู้ใส่ใจผู้ยังมีชีวิตอยู่จะดีกว่า
เช่นเดียวกับเฉินซือที่ไม่มัวจมอยู่กับความเศร้าและหมดกำลังใจไปกับการเสียสละของทหารเป่ยตี๋
เขามองไปข้างหน้า และตอนนี้ก็ทุ่มแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับการเจรจาสันติภาพของทั้งสองแคว้น
ทุ่มเทเพื่อผลประโยชน์สูงสุดแคว้น
เฉินซือชื่นชมในศิลปะการทำสงครามของฉินเฟิง ส่วนฉินเฟิงก็ยกย่องประสบการณ์ชีวิตอันกว้างขวางของเฉินซือ
ทั้งคู่ต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน
พวกเขาเดินไปคุยไป รู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าประตูจวนตระกูลฉินแล้ว
แม้ฉินเฟิงจะอยากเชิญเฉินซือเข้าไปนั่งคุยกันในจวน แต่ด้วยฐานะของพวกเขาจึงไม่สะดวกนัก
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาว่า ‘สมคบศัตรู’ ฉินเฟิงจำต้องละทิ้งความคิดนี้ไป
นายน้อยฉินคารวะเฉินซืออย่างเคารพนอบน้อม
“แม่ทัพเฉิน ขออภัยที่ไม่ได้ไปส่งท่าน”
เฉินซือทาบมือข้างเดียวที่เหลือบนอก ก้มศีรษะลงเล็กน้อย เป็นการตอบรับการคำนับของฉินเฟิง
ทั้งสองสบตากัน สายตาของพวกเขาสื่อถึงความคาดหวังโดยไม่ได้นัดหมาย
เฉินซือคาดหวังว่าจะสู้กับฉินเฟิงอีกครั้งบนสนามรบและเอาชนะ ‘ศัตรูหมายเลขหนึ่ง’ ของเป่ยตี๋ได้อย่างราบคาบ
ส่วนฉินเฟิง เขาคาดหวังว่าจะได้เปิดอกพูดคุยกับเฉินซืออย่างจริงใจใต้แสงเทียนยามค่ำคืน
จากนั้นพวกเขาก็หันหลัง เดินไปตามทางของตนโดยไม่มีใครพูดอะไร
ทันทีที่นายน้อยฉินก้าวเข้าประตูจวน หนิงหู่ก็โผล่ออกมา
เห็นได้ชัดว่า เจ้าหมอนี่ซ่อนตัวอยู่หลังประตู แอบดูอยู่นานแล้ว
เมื่อเห็นฉินเฟิงกับเฉินซือชื่นชมซึ่งกันและกัน หนิงหู่ไม่พอใจอย่างยิ่ง
“พี่ฉิน เจ้าลืมความแค้นที่หลี่หลางต้องตายแล้วหรือ?!”
“ในสนามรบชายแดนเหนือ เฉินซือเปลี่ยนกลยุทธ์กะทันหัน ทำให้หลี่หลางต้องตาย”
แท้จริงแล้ว คนที่ยังยึดติดกับการตายของหลี่หลางไม่ได้มีเพียงฉินเฟิง
ฉินเฟิงปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยการกระทำของหนิ่งหู่ก็ทำให้เห็นว่า พี่น้องในอำเภอเป่ยซีรักใคร่สามัคคีกัน
เมื่อเผชิญกับคำถามของหนิงหู่ นายน้อยฉินไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า
“ถ้าตอนนั้นเจ้าเป็นแม่ทัพเป่ยตี๋ เจ้าจะปล่อยหลี่หลางไปหรือไม่?”
หนิ่งหู่ที่เดิมเต็มไปด้วยความโกรธเคือง สงบลงอย่างรวดเร็ว
“เรื่องนี้…”
“เฮ้อ…”
หนิงหูไม่ได้ตอบ แต่แค่เสียงถอนหายใจของเขาก็ชัดเจนแล้ว
ภายในสงคราม การบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และความรับผิดชอบก็ควรตกเป็นของผู้ก่อสงคราม
เฉินซือเป็นเพียงทหาร หน้าที่ของเขาคือเชื่อฟังคำสั่งเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะกับหลี่หลาง ฉินเฟิง หรือทหารคนใดของต้าเหลียง เฉินซือไม่อาจให้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาเพียงต้องมองทุกคนเป็นศัตรูของแคว้น
ไม่ว่าจะเป็นฉินเฟิงหรือหนิงหู่ การตระหนักรู้ในเรื่องนี้พวกเขาล้วนสู้เฉินซือไม่ได้
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ