บทที่ 574 ข้ารับใช้จัดการไม่ยาก
ฉินเฟิงทิ้งความสบายใจก่อนหน้านี้ไป สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮ่องเต้ทรงมีพระบรมราชโองการแล้ว ยกย่องหลี่หลางเป็นโหว แต่คุณชายโจวยังคงเอ่ยคำว่า ‘คนอำเภอฝูอวิ้น’ ติดปากอยู่เช่นเดิม”
“ท่านคิดว่าหลี่หลางไม่คู่ควรกับบรรดาศักดิ์โหวหรือ หรือว่าจงใจละเลยพระบรมราชโองการของฮ่องเต้กันแน่”
“หรือว่า…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สายตาของฉินเฟิงก็เย็นชาอย่างที่สุดแล้ว
“ถึงแม้หลี่หลางจะถูกลดบรรดาศักดิ์ แต่ในร่างกายของเขายังคงมีเลือดของราชวงศ์หลี่ไหลเวียนอยู่ เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่นหลี่หลางกระมัง”
เรื่องที่หลี่หลางได้รับการยกย่องเป็นโหว ได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้ว
โจวหมิงย่อมรู้เรื่องนี้ แต่หลี่หลางเคยสวมกางเกงตัวเดียวกับฉินเฟิงมาตลอด เขาจึงเป็นศัตรูขององค์ชายรองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เพื่อเอาใจองค์ชายรอง โจวหมิงจึงไม่สนใจบรรดาศักดิ์ที่หลี่หลางได้รับการยกย่อง ยังคงเรียกหลี่หลางว่าคนจากอำเภอฝูอวิ้นเช่นเดิม
ถึงอย่างไรบรรดาศักดิ์นี้ก็นับว่าเป็นความอัปยศอดสูตลอดชีวิตของหลี่หลาง
ครั้งนี้ฉินเฟิงจับจุดนี้ไม่ปล่อย ถึงแม้โจวหมิงจะใจสั่น แต่ปากกลับไม่ยอมรับผิด
อย่างไรก็มีหญิงสาวผู้ดีดกู่ฉินมองดูอยู่ข้าง ๆ หากก้มหัวให้ฉินเฟิง ก็จะพลาดที่พึ่งสูงอย่างองค์ชายรองไปเสียสิ้น
“ข้า…ข้าพูดผิดไป หากท่านฉินโหวคิดจะจับผิดเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ จะกลายเป็นว่าท่านมีใจคอคับแคบเกินไปแล้วมิใช่หรือ”
เรื่องเล็กน้อย?
หลี่หลางยอมสละชีวิตของตนเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูล
แม้หลี่หลางจะสิ้นชีพไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าชื่อเสียงของหลี่หลางจะถูกเหยียบย่ำอย่างไร้เหตุผล!
ฉินเฟิงมีแววตาคมกริบ เรื่องนี้ไม่อาจผ่อนปรนแม้แต่น้อย
“การดูหมิ่นหลี่หลางก็เท่ากับดูหมิ่นข้า ฉินเฟิง และยังเป็นการดูหมิ่นนายทหารทุกนายที่เสียสละ”
“โทษประหารอาจยกเว้นได้ แต่โทษที่ต้องชดใช้ตลอดชีวิตนั้นยากที่จะอภัย ลงโทษเจ้าตบปากตัวเองยี่สิบที!”
“หากเจ้าลงมือเอง ก็คงไม่เป็นไร มิเช่นนั้น ข้าจะหาคนมาช่วยเจ้าเอง!”
โจวหมิงรู้สึกได้ถึงความคมกริบในแววตาของฉินเฟิง แผ่นหลังของเขาเย็นวาบโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่พอนึกได้ว่าที่นี่คืองานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ชายรอง ความหวาดกลัวในใจของโจวหมิงก็หายวับไปในพริบตา
“ฉินเฟิง วันนี้เป็นวันมงคลขององค์ชายรอง เจ้ากล้าก่อเรื่องที่นี่จริง ๆ หรือ?!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเฟิงก็หมดความอดทนในทันที
น้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นที่ไม่อาจโต้แย้ง
“ฉินเสี่ยวฝู ช่วยคุณชายโจวหน่อย”
ฉินเสี่ยวฝูไม่มีคำพูดใด ๆ อีก มือข้างหนึ่งคว้าไหล่ของโจวหมิง อีกข้างก็ยกขึ้น
ใบหน้าของโจวหมิงซีดเผือดในพริบตา พูดตะกุกตะกัก “ฉินเฟิง ข้าว่าเจ้าคงเสียสติไปแล้ว!”
“ถึงจะไม่ใส่ใจข้า เจ้าก็ต้องคิดให้ดีว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราขสมภพของใคร!”
สีหน้าของฉินเฟิงไร้ความรู้สึก แววตาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ
โจวหมิงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ปากก็ถูกตบอย่างแรง
สำหรับคุณชายผู้อ่อนแอที่เติบโตมาในเมืองหลวง คุ้นเคยกับการกินดีอยู่ดี
พลังทำลายล้างของฝ่ามือนี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าน้อย
โจวหมิงมีเลือดซึมออกมาที่มุมปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
เพียะ!
อีกฝ่ามือหนึ่ง
เสียงดังชัดเจน ก้องกังวานไปทั่วบริเวณประตู
แขกที่มาร่วมงานต่างพากันอ้าปากค้าง สายตาเต็มไปด้วยความตกใจและตะลึงงัน
ไม่มีใครคิดว่า ฉินเฟิงจะกล้าลงมือสั่งสอนแขกผู้มาร่วมแสดงความยินดีในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ชายรอง
นี่ชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจองค์ชายรองแม้แต่น้อย
แต่เมื่อนึกถึงการกระทำของฉินเฟิงหลังจากกลับมาเมืองหลวง ทุกคนก็พากันคลายความสงสัย
ท้ายที่สุดแล้ว…
ชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ เป็นผู้ที่บังคับให้หลี่หลางย้ายเข้าโถงบรรพชน แม้แต่ฮ่องเต้ผู้ทรงสูงส่งในยุคปัจจุบันยังต้องหลบเลี่ยงคมดาบของเขา
เพียะ! เพียะ!
ฉินเสี่ยวฝูไม่เหลือช่องว่างให้แม้แต่น้อย ลงมืออย่างหนักหน่วง ตบโจวหมิงจนหน้ามืด คลื่นไส้ และอาเจียนเป็นเลือด
“เจ้าไม่รู้ว่าความตายอยู่ที่ไหนงั้นรึ กล้าดึงดูดความสนใจของนายน้อยข้า”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ