บทที่ 593 กับดักต่อเนื่อง
หากเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเที่ยงธรรมก็ไม่มีอะไรต้องพูด กลัวแต่ว่าจะมีคนฉวยโอกาสมากกว่า
“ในเมื่อท่านทำตามคำสั่ง ข้าย่อมไม่ก้าวก่ายเกินไป”
“แต่ใครก็ตามที่คิดว่าตำแหน่งขุนนางของตระกูลเซี่ยถูกถอดสิ้นแล้วสามารถข่มเหงได้ ข้าขอเตือนให้ลบความคิดนี้ทิ้งไปเสีย”
“ตราบใดที่ข้าฉินเฟิงยังมีลมหายใจ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายตระกูลเซี่ยแน่!”
“หากพวกท่านไม่เชื่อ ก็ลองดูได้”
ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับฉินเฟิง
เมื่อสังเกตเห็นความหวาดกลัวในสายตาของทุกคน นายน้อนฉินก็พอใจแล้ว เขาก้าวเดินไปยังประตูจวนตระกูลเซี่ย แล้วเคาะเบา ๆ
เมื่อเห็นว่าข้างในไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ฉินเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจ ตั้งใจจะปล่อยให้พ่อลูกตระกูลเซี่ยได้ใจเย็นลงก่อน
นายน้อยฉินจึงสั่งให้ขุนนางหลางจงรอก่อน จนกว่าเซี่ยปี้จะเปิดประตูเอง ค่อยเข้าไปตรวจยึดทรัพย์สิน
ห้ามบุกรุก และห้ามทำลายข้าวของภายในตามอำเภอใจ
ฉินเฟิงมองประตูใหญ่จวนตระกูลเซี่ยอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะหันหลังจากไป
ตอนนั้นเอง ม้าตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้าฉินเฟิง มุ่งหน้าไปทางประตูเมือง
จากเครื่องแต่งกาย เห็นชัดว่าเป็นผู้ส่งสาส์นของพระราชวัง ทำหน้าที่ถ่ายทอดพระราชโองการไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา
คิดไปคิดมา นอกจากการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ก็ไม่มีเรื่องใหญ่อื่นใด
จึงคาดเดาได้ว่า พระราชโองการที่ออกมาคราวนี้ น่าจะเป็นการเรียกหลี่เซียวหลานเข้าวังเป็นแน่
หนิงหู่กังวลว่าฉินเฟิงจะเกิดเรื่องระหว่างเดินทางคนเดียว เขารีบร้อนตามมา จึงเห็นทหารส่งสาส์นเข้าพอดี
“พี่ฉิน ฝ่าบาทคงมีพระราชโองการเรียกตัวพี่หญิงสามของท่านแน่ พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง มองไปทางประตูเมือง พลางแค่นหัวเราะออกมา
“จะทำอย่างไรได้อีก เรื่องที่พี่หญิงสามต้องเข้าวัง เป็นเรื่องที่เจรจาจบไปแล้ว”
“ตอนนี้นอกจากจะค่อย ๆ เดินไปทีละก้าว ก็ไม่มีทางอื่น”
แล้วฉินเฟิงก็กลับถึงจวนตระกูลฉิน ตอนนั้นเอง ฉินเสี่ยวฝูที่คอยสอดส่องอยู่หน้าจวนตระกูลเซี่ยรีบวิ่งกลับมา
ทันทีที่เข้าประตูมาก็ตะโกนเสียงดังลั่น
“นายน้อย นายน้อย จวนตระกูลเซี่ยเกิดเรื่องแล้ว”
“ตอนจ้าวหลางจงเข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์สิน เขาพบจดหมายลับฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างเซี่ยปี้กับเฉินซือแห่งเป่ยตี๋ขอรับ”
“ในจดหมายวางแผนให้ท่านเซี่ยปี้คอยประสานงานภายใน แสวงหาผลประโยชน์ให้เฉินซือระหว่างการเจรจาสันติภาพ”
“ตอนนี้ท่านเซี่ยปี้ถูกควบคุมตัวไปที่ศาลต้าหลี่แล้ว”
ฉินเฟิงได้ยินแล้ว แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินไปนั่งลงอย่างเงียบ ๆ
เห็นฉินเฟิงใจเย็น หนิงหู่อดไม่ได้ที่จะถามเสียงดัง “พี่ฉิน เจ้าไม่ไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ?!”
“รีบพาคนไปช่วยท่านเซี่ยปี้เถอะ!”
ฉินเฟิงยังคงนิ่งเงียบ นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองออกไปนอกประตูอย่างใจลอย
แท้จริงแล้ว สมองของเขากำลังทำงานอย่างหนัก
เรื่องนี้ไม่ต้องคิด ต้องเป็นหลี่เฉียนที่ป้ายสี
องครักษ์เสื้อแพรจับตามองเป่ยตี๋อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว หากเซี่ยปี้สมคบกับเฉินซือ องครักษ์เสื้อแพรต้องรู้นานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น หากบอกว่าคนอื่นคบหากับเป่ยตี๋ลับหลังก็แล้วไปเถอะ
แต่บอกว่าเป็นเซี่ยปี้น่ะหรือ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
หรือว่า…
ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็หวังให้ตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยยกเลิกการแต่งงาน จึงได้รีบเร่งปลด เซี่ยปี้ออกจากตำแหน่งอย่างใจร้อน
ต่อมาก็จับเซี่ยปี้ขังคุก …นี่ค่อนข้างสมเหตุสมผล
ตอนนี้ไม่ใช่แค่หลี่เฉียน แม้แต่ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็คงหวังให้ฉินเฟิงพาคนไปช่วยเซี่ยปี้ออกจากศาลต้าหลี่
ถ้าฉินเฟิงไปช่วยเซี่ยปี้ออกมา ถึงตอนนี้ฮ่องเต้แคว้นเหลียงจะยังไม่ทำอะไร แต่เมื่อการเจรจาสันติภาพสิ้นสุดลง ฮ่องเต้ย่อมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาจัดการกับฉินเฟิงในข้อหาสมรู้ร่วมคิดได้
ทว่า…ถ้าฉินเฟิงเลือกจะไม่ไปช่วย เซี่ยปี้ก็จะต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ