บทที่ 606 ทุกคนมาช่วยเหลือ
จ้าวหลีผู้บัญชาการของกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ นำทัพมาปราบปรามฉินเฟิงด้วยตัวเอง
ครั้นเห็นเสนาบดีกรมยุติธรรมกับผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ตกเป็นตัวประกันของของฉินเฟิง ท่านผู้บัญชาการใหญ่รีบสั่งการ ไม่ให้ทหารทั้งหมดบุ่มบ่าม
ท่านผู้บัญชาการใหญ่อยู่บนหลังม้า สวมเกราะหนัก มือซ้ายจับบังเหียน มือขวากำแหลนม้า ท่าทางน่าเกรงขามนัก เขามองฉินเฟิง
ตระกูลจ้าวกับตระกูลฉินสนิทสนมกันมาก
ไม่เพียงเพราะจ้าวอวี้หลงกับฉินเฟิงเป็นพี่น้องร่วมชะตากรรม แต่ท่านผู้บัญชาการใหญ่เอง ก็เป็นหนึ่งในพลพรรคเถาหลิน
จ้าวหลีไม่อยากปะทะกับฉินเฟิง แต่ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ จึงจำใจต้องทำ
“ฉินเฟิง ข้าขอแนะนำ เจ้าอย่าหลงผิดอีกเลย”
“ทหารเป่ยซีของเจ้าเก่งกล้า แต่การจะหนีจากเมืองหลวงกลับไปชายแดนเหนือเป็นไปไม่ได้ช”
“ตอนนี้ องครักษ์ชุดดำถ่ายทอดคำสั่งไปยังสามสิบหกอำเภอรอบเมืองหลวงแล้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงถูกล้อมไว้แน่นหนาราวกับถังเหล็ก”
“พระราชวังต้องห้ามประกาศกฎอัยการศึก ทหารรักษาพระราชวังสามหมื่นคนเตรียมอาวุธครบมือ”
“ทั้งทางเข้าและทางออกล้วนถูกปิดตาย มีเพียงทางเดียวให้เจ้าเลือก คือยอมจำนน”
เนื่องจากมีผู้คนมากมาย แม้จ้าวหลีจะต้องการชี้ทางรอดให้ฉินเฟิง แต่ก็ยากที่จะหาโอกาส จึงได้แต่พูดตามหน้าที่อย่างสุภาพ
ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของฉินเฟิง ย่อมเข้าใจดีว่าการฝ่าวงล้อมออกไปนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว
สำหรับแผนการณ์ตอนนี้ หากต้องการโอกาสพลิกผัน จำเป็นต้องหาทางอื่น
ฉินเฟิงเข้าใจดี กำลังพลต่าง ๆ ของเมืองหลวงรวมกันก็มีถึงหลายแสนคน
และในบรรดากองกำลังเหล่านั้นก็รวมถึงทหารรักษาพระราชวัง กองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ กองทัพค่ายตะวันออก และค่ายตะวันตก ซึ่งเป็นกองกำลังชั้นยอดด้วย
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล แค่กองทัพทหารม้าภายใต้การบัญชาการของฉินเทียนหู่ ก็สามารถทำให้กองทัพของเฉินเฟิงพ่ายแพ้ย่อยยับได้แล้ว
แต่ตอนนี้หากยอมจำนน โทษขั้นต่ำก็ยังต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร แต่หากฮ่องเต้แคว้นเหลียงโกรธเคืองมาก ประหารชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยวิธีหลิงฉือ ก็ถือว่าสมควรแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับคำโน้มน้าวของจ้าวหลี เฉินเฟิงไม่หวั่นไหว สายตามุ่งมั่นอย่างที่สุด
“ผู้บัญชาการจ้าว ตอนนี้ข้ายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”
“ต่อให้ต้องตาย พวกข้าก็จะตายบนทางกลับชายแดนเหนือ ดีกว่ายอมถูกจับเข้าคุกนักโทษประหาร แล้วถูกประหารชีวิตเยี่ยงเดรัจฉาน”
“หากผู้บัญชาการจ้าวไม่สนใจชีวิตของเสนาบดีกรมยุติธรรมกับผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ก็สั่งให้ทหารของท่านโจมตีได้เลย อย่าได้มัวเสียเวลาโน้มน้าวข้า”
เห็นท่าทีพร้อมสู้ตายของเฉินเฟิง จ้าวหลีไม่แปลกใจสักนิด
หรือจะพูดว่า นี่คือนิสัยที่เฉินเฟิงควรจะมี หากเฉินเฟิงยอมแพ้ คงจะน่าแปลกใจไม่น้อย
ตอนนั้นเอง เสนาบดีกรมยุติธรรมก็ตะโกนใส่ผู้บัญชาการใหญ่ “ใต้เท้าจ้าวอย่าใจร้อน คำนึงถึงภาพรวมด้วย!”
ทุกคนเข้าใจดีว่า สิ่งที่เสนาบดีกรมยุติธรรมเรียกว่า ‘ภาพรวม’ แท้จริงแล้วก็แค่ชีวิตของเขาเอง
ไม่ต้องพูดถึงจ้าวหลี แม้แต่รองแม่ทัพของค่ายตะวันออกและค่ายตะวันตกก็ลำบากใจ
ตามหลักแล้ว การกำจัดกบฏไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไร เพียงแค่สั่งบดขยี้ก็พอ
แต่เฉินเฟิงกุมตัวประกันไว้ในมือ และบังเอิญว่าทั้งสองคนล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก
หากคนเหล่านี้ตายระหว่างปะทะกันจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่อาจรายงานต่อฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง เกรงว่าประชาชนทั่วต้าเหลียงจะประณามกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์จนตายด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ การเจรจาสันติภาพก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดฉินเฟิง หรือการสังหารใต้เท้าทั้งสองโดยไม่ได้ตั้งใจ สำหรับคณะทูตเป่ยตี๋แล้ว ล้วนเป็นข่าวดีทั้งสิ้น
เมื่อถึงเวลานั้น ก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าคณะทูตเป่ยตี๋จะมาเจรจาสันติภาพ หรือแค่มาเยือนพอเป็นพิธี
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แคว้น ไม่มีอาจตัดสินใจบุ่มบ่าม
ฉินเฟิงกับกองทัพประจำใหญ่ของเมืองหลวงเผชิญหน้ากันนิ่ง
ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ผู้วางตัวเป็นกลางมาตลอด เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“หากท่านผู้บัญชาการใหญ่ตัดสินใจไม่ได้ ก็ส่งคนไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เถิด”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ