บทที่ 613 องค์หญิงกลับมาแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญฺงใหญ่ ฉีหยางจวิ้นจู่ก็อดประหลาดใจไม่ได้
องครักษ์ค่ายเทียนจีล้วนมาจากหน่วยลาดตระเวน เป็นเพียงทหารประจำการณ์ชั้นสองเท่านั้น แต่ทำไมถึงเก่งกล้าเช่นทุกวันนี้
ท้ายที่สุดฉินเฟิงใช้กลคาถาใดกันแน่
ใช่แล้ว ต้องเป็นกลคาถาแน่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอธิบายเรื่องที่เหลือเชื่อนี้ได้
ฉีหยางจวิ้นจู่รู้ดีว่า มารดากับฝ่าบาทเป็นพี่น้อง ครั้งนี้พระราชอำนาจถูกทำลาย มารดาย่อมโกรธแค้นไปด้วย
ฉีหยางจวิ้นจู่รีบปลอบโยน “ต่อให้องครักษ์ค่ายเทียนจีจะเก่งกาจ ก็หาได้เป็นอุปสรรค์เจ้าค่ะ”
“หลังผ่านศึกอันดุเดือดที่ชายแดนเหนือ และการสูญเสียในลานประหาร ทหารค่ายเทียนจีก็เหลือเพียงไม่กี่สิบคนเ่านั้น”
“ต่อให้แข็งแกร่ง แต่ด้วยจำนวนคนเพียงเท่านี้ จะก่อคลื่นลมได้สักเท่าไร”
องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า “เด็กโง่ องครักษ์ค่ายเทียนจีล้วนเป็นคนที่ฉินเฟิงฝึกขึ้นมาเอง”
“ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงฝึกได้สามร้อยคน ต่อไปก็จะฝึกได้สามพันคน”
“ยิ่งไปกว่านั้น หลังเหตุการณ์นี้ ฉินเฟิงจะยิ่งไร้ยางอาย หากเขาฝึกองครักษ์ค่ายเทียนจีได้ถึงสามพันคนจริง ๆ ละก็…”
องค์หญฺงใหญ่ไม่กล้าพูดต่อ แม้แต่คิดก็ไม่กล้าคิด
สายเกินแก้แล้ว การจมปลักอยู่กับเรื่องพวกนี้ไม่มีประโยชน์อะไร
ตอนนี้การรวบรวมอำนาจจำเป็นต้องอาศัยอิทธิพลของฉินเฟิงไปก่อน ไม่อย่างนั้นยังไม่ทันถึงการเจรจาสันติภาพ บ้านเมืองก็จะวุ่นวายไปหมดแล้ว
“ข้าคาดว่าหลี่เซียวหลานน่าจะเข้าเขตเมืองหลวงมาในวันพรุ่ง ฉีหยาง เจ้าไปต้อนรับนางสักหน่อย”
“ใช่แล้ว ต้องให้ความเคารพต่อหลี่เซียวหลานอย่างสูง นางเป็นถึงองค์หญฺงในฮ่องเต้ต้าเหลียงองค์ปัจจุบัน ผู้ได้รับความทุกข์ยากลำบากเฉกชาวบ้านมาครึ่งชีวิต ฝ่าบาท จะต้องรู้สึกผิดต่อนางมากแน่”
“ตอนนี้ อย่าได้ทำให้หลี่เซียวหลานไม่พอใจเป็นอันขาด”
“หลังจากนางได้พบฝ่าบาทแล้ว เจ้าก็พานางไปที่พระราชวังฉือหนิ่งเสีย”
พระราชวังฉือหนิ่ง…
ฉีหยางจวิ้นจู่ใจหายวาบ ถามเสียงเบา “กระไรกัน ฮองเฮาจะขอพบนางหรือเจ้าคะ”
องค์หญฺงใหญ่บีบมือเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ฉีหยางอย่าพูดถึงเรื่องนี้
แม้ฉีหยางจวิ้นจู่จะไม่รู้ว่าทำไมฮองเฮาถึงสนใจหลี่เซียวหลาน แต่นางรู้เรื่องหนึ่ง
ฮองเฮาไม่ได้เป็นเหมือนกับที่เล่าลือกัน นางหาใช่คนใจบุญ จิตใจดีงามอย่างที่คิด
ตรงกันข้าม ฮองเฮาเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ฉีหยางจวิ้นจู่ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาหันหลัง เดินออกจากพระราชวังต้องห้าม ไปต้อนรับหลี่เซียวหลาน
ไม่นาน เสียงตะโกนก็ดังขึ้นหน้าประตูเมืองหลวง
“องค์หญิงกลับมาแล้ว!”
ที่หน้าประตูเมืองผู้คนมากมายต่างเบียดเสียดอยู่ข้างถนน สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ไม่นาน เสียงฝีเท้าม้า ก็ดังให้ได้ยิน
ขบวนเสด็จประกอบด้วยคนหลายร้อยคน เคลื่อนผ่านประตูเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่
เนื่องจากเป็นการส่งตัวองค์หญิงกลับเมืองหลวง ฝ่าบาททรงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ สามารถขี่ม้าเข้าเมืองได้
ยังไม่ทันได้เห็นหลี่เซียวหลาน เสียงผู้คนก็อื้ออึงไปทั้งพื้นที่ เพียงเพราะขบวนที่คุ้มกันหลี่เซียวหลานยิ่งใหญ่นัก
“โอ้ นี่…นี่เป็นกองทัพอะไรกัน น่าเกรงขามนัก เพียงแค่มองก็ทำให้เสียวสันหลังแล้ว”
“ม้าดำเกราะดำ? อย่าบอกนะว่าเป็น กองทหารม้าทมิฬในตำนาน…”
“ต้องใช่แน่ ๆ ในเมื่อเป็นการคุ้มกันองค์หญิงกลับเมืองหลวง เป่ยซีต้องส่งกำลังพลชั้นยอดออกมาแน่อยู่แล้ว”
“ได้ยินว่า ตอนสู้รบกับกองทัพใหญ่ของเป่ยตี๋ จ้าวอี้หลงนำกองทหารม้าทมิฬพันกว่าคน เอาชนะกองทัพใหญ่หลายหมื่นคนของเป่ยตี๋ได้ทีเดียว!”
“หากพูดถึง กองทหารม้าเกราะหนักอันดับหนึ่งของต้าเหลียง ก็ต้องยกให้กองทหารม้าทมิฬเท่านั้น”
“ไม่ใช่แค่ต้าเหลียงกระมัง?! ทหารม้าเกราะหนักทั่วใต้หล้า ล้วนต้องมองกองทหารม้าทมิฬของเป่ยซีทั้งนั้น”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ