บทที่ 623 จำใจยอมยกให้
หัวหน้าเสมียนศาลต้าหลี่ก็เดินเข้ามา ถูมือพลางปั้นยิ้ม
“ท่านโหวฉิน ที่นี่คือศาลาว่าการศาลต้าหลี่ นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเคร่งครัด มิใช่สถานที่สำหรับทักทาย หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ท่าน…”
พอเห็นเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ไล่ทางอ้อม ฉินเฟิงก็ไม่ลังเล
แต่ก่อนจากไป ฉินเฟิงก็ไม่วายเหลือบมองเข้าไปยังห้องด้านในอย่างลึกซึ้ง
หากฉินเฟิงจำไม่ผิด เฉิงอวี้โหล่ว ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ สูญเสียภรรยาไปตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเศร้าโศกเสียใจนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งงานใหม่
อีกทั้งเขายังไม่มีบุตรสักคน
ด้วยเหตุนี้เอง เฉิงอวี้โหล่วจึงยิ่งได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงมาก
การไม่มีครอบครัวหมายความว่า เฉิงอวี้โหล่วจะไม่มีจุดอ่อน และไม่หลงไปกับสิ่งล่อลวงง่าย ๆ สามารถทุ่มเทให้กับหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
เพียงแต่คนที่มีอายุมากขนาดนี้ยังคงอยู่ตัวคนเดียว ย่อมต้องเหงามาก
ฉินเฟิงจงใจตะโกนเสียงดังว่า “ท่านอาเฉิง หลานต้องกลับก่อนนะขอรับ”
“รอจัดที่อยู่ให้เหล่าพี่น้องจากชายแดนเหนือเรียบร้อย จะมาเยี่ยมท่านใหม่”
ครั้นไม่ได้ยินเสียงตอบจากห้องด้านใน ฉินเฟิงก็พาทุกคนออกจากศาลต้าหลี่ไป
เฉิงอวี้โหล่วกำลังตรวจสอบสำนวนคดีขั้นสุดท้าย ได้ยินเสียงตะโกนของฉินเฟิง มือที่ถือพู่ชะงักเล็กน้อย
อดเงยหน้ามองไปทางหน้าศาลาว่าการไม่ได้
สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังดูผ่อนคลายเล็กน้อย
“ฮูหยินฉิน ท่านช่างให้กำเนิดบุตรชายที่ดีจริง ๆ”
“นับตั้งแต่อดีต วีรบุรุษและทหารหาญไม่ตายในสนามรบ แต่ตายในท้องพระโรง”
“เจ้าเด็กสารเลวคนนี้ เขาขัดเกลาจากสนามรบ ผ่านวิกฤติในท้องพระโรง ฝ่าอุปสรรคมานับไม่ถ้วน”
“อนาคตข้างหน้าย่อมไร้ขีดจำกัด”
“หากตระกูลเฉิงของข้ามีบุตรหลานเช่นนี้ ก็เพียงพอจะปลอบใจบรรพบุรุษตระกูลเฉิงแล้ว”
อกตัญญูมีสามอย่าง การไม่มีทายาทถือว่าร้ายแรงที่สุด
แม้เฉิงอวี้โหล่วจะรู้ดีว่า การที่ตนเองไม่แต่งงาน ไม่มีบุตร และรำลึกถึงภรรยาผู้ล่วงลับไปอยู่เสมอ ในสายตาผู้อื่นช่างไม่สมเหตุสมผล
แต่ตระกูลเฉิงไม่ได้มีเพียงเขาเป็นทายาท ที่บ้านเกิดยังมีพี่น้องอีกหลายคน ดังนั้น ความกดดันในการสืบทอดตระกูลจึงไม่มาก
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่เห็นเจ้าเด็กตัวเหม็นฉินเฟิงนี้ เขาก็รู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษแล้ว
“จะว่าไป ฮูหยินฉินก็มีชื่ออยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลเฉิง”
“เฟิงเอ๋อร์ก็ย่อมถือเป็นบุตรหลานของตระกูลเฉิงคนหนึ่ง”
พอคิดถึงตรงนี้ เฉิงอวี้โหล่วก็พยักหน้า รู้สึกว่าสมเหตุสมผล แม้ภายนอกจะไม่ชอบฉินเฟิงนัก แต่ในใจเฉิงอวี้โหล่วแอบมองว่าฉินเฟิงเป็นบุตรหลานของตนเองแล้ว
ฉินเฟิงย่อมไม่รู้ความคิดนี้ของเฉิงอวี้โหล่ว
ความช่วยเหลือที่เฉิงอวี้โหล่วแอบหยิบยื่น ในสายตาของฉินเฟิง เป็นเพราเฉิงอวี้โหล่วเห็นแก่หน้ามารดาของเขา ฉินเฉิงซื่อ
ตอนนี้ ในที่สุดการแย่งตำแหน่งรัชทายาทสิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับการล่มจมของหลี่เฉียน
พอฝุ่นควันจางหายไป ฉินเฟิงก็ผ่อนคลาย
เขาเดินนำเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ กับคนอื่น ๆ เดินออกจากประตูใหญ่ของศาลาว่าการศาลต้าหลี่อย่างสง่าผ่าเผย
ทว่าส้นเท้ายังไม่ทันได้เหยียบพื้นมั่นคง น้ำเสียงตื่นเต้นก็ดังขึ้น
“นายน้อย!”
มองตามเสียงไป ฉินเฟิงก็เห็นเสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงกำลังวิ่งเข้ามา ท่าทางตื่นเต้นดีใจ หน้าตาแดงก่ำ
พอเห็นหญิงสาวทั้งสองคน ฉินเฟิงประหลาดใจยิ่ง เขารีบเดินเข้าไปหา แล้วโอบกอดสาวใช้ทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขน
“พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เสี่ยวเซียงเซียงได้สัมผัสอ้อมอกแข็งแกร่งของฉินเฟิง พลันก็รู้สึกมั่นคงอย่างที่สุด
เผชิญหน้ากับคำถามของฉินเฟิง เสี่ยวเซียงเซียงกัดริมฝีปากบาง ดวงตาฉายแววดีระคนน้อยใจอยู่บ้าง “นายน้อยไม่อยากเห็นบ่าวหรือเจ้าคะ?”
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้บ่าวจะออกเดินทางกลับชายแดนเหนือเสีย”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ