บทที่ 630 จวนรุ่ยอ๋อง
ความแค้นฆ่ามารดา ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า
หลี่เซียวหลานไม่มีทางจะลืมเลือนความแค้นเลือด เพียงเพราะคำกล่าวอ้างสวยหรู ‘เพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน’
นางไม่ได้สูงส่งถึงขนาดนั้น
หากฉินเฟิงอยู่ บนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้!
ฮองเฮาเดินมาเบื้องหน้าหลี่เซียวหลาน จัดชุดของหลี่เซียวหลานให้เข้าที่
นางคงใช้ชีวิตเรียบง่ายกับชาวบ้านมาเนิ่นนาน คงไม่คุ้นเคยกับชุดในวังเช่นนี้
ทุกอิริยาบทของฮองเฮา แสดงความเมตตาอย่างที่ราชินีควรเป็น
น้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไว้ด้วยบางอย่าง ดังขึ้น
“ตำแหน่งองค์หญิงหมิงเยว่เช่นเจ้า… ไม่มีผู้ใดมาแทนที่ได้”
“ชายแดนเหนือที่อยู่เบื้องหลังเจ้า เหล่าทหารหาญล้วนเทิดทูนเจ้า ตระกูลฉินต่างก็เห็นเจ้าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เช่นเดียวกับฉินเฟิงที่พร้อมยอมบุกภูเขาดาบ ทะเลเพลิงเพื่อเจ้า”
“พวกเขาล้วนสนับสนุนเจ้า”
“แต่จงเชื่อคำข้า เจ้าไม่อาจล้างแค้นได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”
“วันนี้ข้าคือฮองเฮา วันหน้าข้าย่อมกลายเป็นไทเฮาผู้ทรงอำนาจ”
ชั่วพริบตาที่หลี่เซียวหลานไม่ทันสังเกต นางก็ถูกฮองเฮามองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
นางอาจมีความสามารถบางอย่าง แต่นางก็ยังเยาว์วัยเกินไป
นางยังไม่เข้าใจเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจในราชสำนักมากพอ
ราชสำนักไม่มีวันสามัคคีกันอย่างจริงใจ และไม่มีวันเป็นปึกแผ่น
อย่างตำแหน่งสามขุนนางใหญ่ที่แต่งตั้งขึ้นตามพระบรมราชโองการของอดีตฮ่องเต้ และเมื่อสามขุนนางใหญ่เห็นพ้อง ก็มีอำนาจพอจะปลดฮ่องเต้ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และตั้งแต่นั้นเองเช่นกัน สามขุนนางใหญ่ไม่เคยมีครบถ้วนพร้อมหน้าได้อีก
การปลดฮองเฮาจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากขุนนางน้อยใหญ่ และเหล่าทหารหาญทั่วแผ่นดิน
ความสามัคคีกลมเกลียวเช่นนั้น อาจเกิดขึ้นได้จริง แต่นั่นก็แค่ความเป็นไปได้
“หมิงเยว่ เจ้าเหนื่อยมากแล้ว กลับไปเถอะ”
หลี่เซียวหลานรู้ดีแก่ใจ การล้างแค้นนี้ยากยิ่งกว่าไต่ฟ้า
แต่เวลาเนิ่นนานนับแรมปีที่ผ่านพ้น นางก็ฝ่าฟันมาได้จนวันนี้
แม้จะยากลำบากเพียงใด นางก็จะไม่มีวันละทิ้งความหวัง
หลี่เซียวหลานถวายบังคม “ฮองเฮา เซียวหลานทูลลา”
ตำแหน่งองค์หญิงอะไร หลี่เซียวหลานไม่สนใจ
ครั้นหลี่เซียวหลานก้าวออกจากวัด องครักษ์หลวงสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น
ต่อหน้าหลี่เซียวหลาน นางกำนัลสองคนของฮองเฮาถูกรัดคอตายคาที่
เสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงหน้าซีดเผือด
องครักษ์หลวงจัดการนางกำนัลทั้งสองเสร็จก็ก้าวเข้ามา แต่ถูกหลี่เซียวหลานขวางไว้
“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมคนของข้า”
“แม้จะเป็นพระราชวังต้องห้าม ฉินเฟิงก็จะบุกเข้า เอาเลือดพวกเจ้าสังเวยชีวิตพวกนางแน่นอน!”
หลี่เซียวหลานข่มขู่ น้ำเสียงหนักแน่น
องครักษ์หลวงโค้งคำนับเล็กน้อย กล่าวว่า: “องค์หญิงเข้าใจผิดแล้ว”
“พวกนางเป็นนางกำนัลของท่าน พวกข้าจะทำตามอำเภอใจได้อย่างไร”
“แต่สิ่งที่ได้ยินทั้งหมดวันนี้ ก็จำเป็นต้องให้พวกนางเก็บเป็นความลับ”
“นั่นก็เพื่อ…”
ยังไม่ทันที่องครักษ์หลวงจะพูดจบ หลี่เซียวหลานก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะ
“ไม่ต้องพูดให้มากความ ข้าเข้าใจแล้ว”
“เรื่องที่ฮองเฮาสังหารองค์ชายใหญ่ ถ้าแพร่งพรายออกไปย่อมทำให้แคว้นต้าเหลียงวุ่นวาย”
องครักษ์หลวงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วคำนับ สีหน้าชื่นชม
“องค์หญิงหมิ่งเยว่มีความชอบธรรมนัก!”
หลี่เซียวหลานไม่สนใจองครักษ์หลวง พาเสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
…
เมืองหลวง ฉินเฟิงซื้อจวนรุ่ยอ๋องที่อยู่ตรงข้ามกับทะเลสาบแสงจันทร์มาในราคาสามแสนตำลึงเงิน
จวนหลังนี้เดิมเป็นของ ‘รุ่ยอ๋อง’
น้องชายคนเล็กของฮ่องเต้ต้าเหลียง
แต่เมื่อห้าปีก่อน เขาเสียชีวิตด้วยอาการป่วย ทิ้งให้บุตรสาวและบุตรชายอยู่กันตามลำพัง
กระทั่งเมื่อสามปีก่อน บุตรชายของรุ่ยอ๋องก็เริ่มป่วย
ไทเฮาจึงเรียกตัวทั้งสองเข้าวัง ให้พำนักอยู่ในวัง เพื่อให้หมอหลวงดูแลรักษาสุขภาพของทั้งคู่ได้

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ