บทที่ 638 ทุกครอบครัวล้วนมีความยากลำบากของตัวเอง
พ่อค้าจากแดนเหนือจำนวนไม่น้อยเริ่มหลงเชื่อการยุยงของจ้าวจ่าน พากันหันหัวเกวียน มุ่งหน้าไปยังร้านธัญพืชตระกูลจ้าวแล้ว
ลิ่นจื่ออี๋รู้ดีว่า ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินจะเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างเฉินคังไปไม่ได้
ไม่อย่างนั้น ร้านค้าธัญพืชของตระกูลฉินคงต้องล้อมจริง ๆ แน่แล้ว
ลิ่นจื่ออี๋จึงวางท่าทีน้อมตัวลงต่ำ
“พ่อค้าเฉิน ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ”
“ปัญหาอยู่ที่สาขาเหยียนโซ่วเท่านั้น”
“แต่ข้าก็ได้ส่งสารไปยังเมืองหลวงแล้ว คาดว่าไม่นานคงได้ข่าว”
“รับรองว่าถึงตอนนั้น ร้านท่านมีข้าวสารเท่าใด ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินยินดีรับซื้อทั้งหมด”
แน่นอน เฉินคังเชื่อมั่นใน ‘เกียรติ’ ของร้านค้าธัญพืชตระกูลฉิน
เพราะนับตั้งแต่ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินเปิดกิจการ พวกเขาก็ยึดมั่นในหลักการ ซื้อขายอย่างเป็นธรรม มาโดยตลอด
พวกข้าหวังผลกำไรเพียงเล็กน้อย แค่พอประคับประคองร้านธัญพืชแห่งนี้ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้
คำกล่าวที่ว่า ‘หวังประชาชนได้มีข้าวปลาอาหารบริโภค’ หาใช่คำกล่าวเลื่อนลอยของร้านค้าธัญพืชตระกูลฉิน
แต่ปัญหาตอนนี้ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง
อย่างไร การค้าขายก็ล้วนต้องแสวงหากำไร หากปราศจากผลกำไร และหนักถึงขั้นขาดทุน เช่นนั้นแล้ว ใครจะยินดีค้าขาย
ตอนนี้ ธัญพืชจากแดนเหนือไม่อาจส่งออก ขณะที่ธัญพืชจากแดนใต้ก็ไม่อาจขนเข้า สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ต้องแบกรับความทุกข์ยากก็คือราษฎร
ขณะที่เฉินคังกำลังลังเล จ้าวจ่านก็หัวเราะเสียงดัง
“ฮ่า ๆๆ พ่อค้าเฉิน ท่านคือพ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดของแดนเหนือ มีกำลังมากพอจะชักจูงผู้คน”
“ถ้าท่านยังดึงดันต่อไป แน่นอนว่าพ่อค้าคนอื่น ๆ จะต้องพบกับความโชคร้ายไปพร้อมกับท่าน”
“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่!”
“หากท่านตกลงทำการค้ากับกินการธัญพืชตระกูลจ้าว ข้ายินดีจะให้ผลกำไรพิเศษแก่ท่าน”
ผลกำไรพิเศษ? สำหรับพ่อค้า ผลกำไรย่อมเย้ายวน
เดิมทีการมาเยือนอำเภอเหยียนโซ่วคราวนี้ เฉินคังขนธัญพืชมาด้วยเกือบห้าหมื่นต้าน
หากได้ผลกำไรส่วนนี้มา แม้ไม่อาจเอ่ยได้เต็มปากว่ามั่งคั่ง แต่อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน
พอเห็นเฉินคังเริ่มคล้อยตาม ลิ่นจื่ออี๋รีบเข้าไปหา เสียงอ่อนหวานราวกับจะวิงวอน
“พ่อค้าเฉิน ท่านไปไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ถ้าท่านไปขายธัญพืชให้ร้ายค้าธัญพืชตระกูลจ้าว เหล่าพ่อค้าแดนเหนือที่เพิ่งมาถึงก็คงจะตามท่านไปด้วยแน่”
“ท่านได้กำไรพิเศษ แต่พวกพ่อค้าที่เหลือเล่า ก็คงจะโชคร้าย”
“ถึงตอนนั้น ราคาธัญพืชก็จะถูกกด ดังคำกล่าวที่ว่า ขนแกะก็ต้องออกมาจากตัวแกะ”
“กำไรพิเศษส่วนของท่าน ก็คงต้องไปขูดเอาจากพวกพ่อค้าคนอื่น”
สิ่งที่เฉินคังกังวลที่สุด ก็คือเรื่องนี้เช่นกัน
เบื้องหน้า เป็นทางแยก ด้านหนึ่งคือกำไร อีกด้านหนึ่งคือน้ำใจต่อพ่อค้าแดนเหนือ
ผลประโยชน์และไมตรีวางอยู่ตรงหน้า จะตัดสินใจทันทีก็เป็นเรื่องยากนัก
จ้าวจ่านหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องลิ่นจื่ออี๋ น้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
“ผู้จัดการลิ่น เจ้าเสแสร้งเป็นคนดีมีเมตตาหรือ?”
“ลืมไปแล้วหรือว่าเป็นเพราะร้านของพวกเจ้า พ่อค้าแดนเหนือจึงเดินทางมาถึงที่นี่ ”
“และหากไม่ใช่เพราะร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินจำกัดจำนวนซื้อข้าว เหล่าพ่อค้าจะขายธัญพืชไม่ได้อยู่อย่างนี้ได้อย่างไร?”
“ตอนนี้มาทำตัวเป็นคนดี ฮ่า ๆ เจ้าช่างหน้าซื่อใจคดนัก!”
เผชิญหน้ากับคำใส่ร้ายของจ้าวจ่าน ลิ่นจื่ออี๋วิตกกังวลนัก
แต่นางไม่เก่งเรื่องโต้เถียงเช่นนี้
นางอยากจะโต้แย้งหลายครั้ง แต่พอจะเอ่ยปาก ก็กลืนคำพูดลงไปเสียทุกที
ตอนนี้ ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินจะรักษาตัวเองให้ยืนหยัดอยู่ได้ก็ยากแล้ว จะมีปัญญาที่ไหนไปดูแลพ่อค้าคนอื่นได้อีก
จ้าวจ่านรู้จุดอ่อนข้อนี้ดี เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่า ๆ ไยไม่พูดอะไรเลยเล่า?”
“ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉิน ไม่ใช่ว่าคุยโวนักหนาว่ามีฉินเฟิงหนุนหลัง ทรัพย์สินมั่งคั่งหรอกหรือ?”
“มีเงินทองมากมายปานนั้น เหตุใดไม่รับซื้อข้าวที่ขนส่งมาจากทางเหนือทั้งหมดเสียเลยเล่า?”
“แต่หากพวกเจ้าไม่สามารถ ก็ไสหัวไปให้พ้นเสีย!”
จ้าวจ่านถุยน้ำลายลงพื้นตรงหน้าลิ่นจื่ออี๋
แววตาดูแคลนอย่างที่สุด
“อย่าว่าแต่เจ้า! แม้แต่ท่านพ่อของเจ้าก็ไม่คู่ควรกับข้า!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ