บทที่ 654 เหลือเพียงสามฝ่าย
ลิ่นจื่ออี๋ปลาบปลื้ม
“นายน้อย ข้าไม่ไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไร”
“เพียงได้รับความชื่นชมและความสำคัญจากท่าน ข้าซาบซึ้งแล้ว”
“ภาระใหญ่หลวงเช่นนี้ เกินกำลังข้าน้อยจะแบกรับ”
ลิ่จื่ออี๋รู้ดี สถานการณ์ในอำเภอเหยียนโซ่วมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เมื่อก่อน ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินเพียงแค่ซื้อขายธัญพืชเท่านั้น
เมื่อเทียบกับพ่อค้าธัญพืชรายอื่น ไม่มีความแตกต่างอะไรเป็นพิเศษ
แต่ในปัจจุบัน ตระกูลจ้าวหวาดกลัวต่อฉินเฟิง ถอนตัวออกจากอำเภอเหยียนโซ่วไปแล้ว
ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินจึงกลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการค้าธัญพืชในอำเภอเหยียนโซ่วไปโดยปริยาย
ไม่เพียงแต่พ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ พ่อค้ารายย่อยทั้งหลายก็จะต้องคอยดูทิศทางของร้านค้าตระกูลฉิน แม้แต่นายอำเภอ จะดำเนินการใดก็ต้องคอยสังเกตสีหน้าตระกูลฉินด้วย
การค้าขายธัญพืชเป็นอุตสาหกรรมหลักในอำเภอเหยียนโซ่ว สร้างรายได้ให้อำเภอเหยียนโซ่วคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
ตอนนี้ นายน้อยฉินกลับคิดจะให้อุตสาหกรรมการค้าธัญพืชในเหยียนโซ่วอยู่ในความดูแลของเด็กเพิ่งหัดเดินเช่นลิ่นจื่ออี๋
เป็นเช่นนี้ นางจะไม่หลัวได้อย่างไร?
“เจ้าอย่าได้ดูถูกตัวเองเกินไป”
ฉินเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น ตบไหล่นางเบา ๆ ความเชื่อมั่นฉายชัดในแววตา
“บิดาเจ้าร่างกายอ่อนแอ ไม่ช้าก็เร็วต้องถอยไปทำงานอยู่เบื้องหลัง และการต้องการผู้จัดการร้านค้าใหม่ก็ยุ่งยากนัก”
“อย่างไรไม่ช้าก็เร็ว เจ้าก็ต้องรับช่วงต่อจากบิดา เจ้ารับหน้าที่ ทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี”
“อีกอย่าง ด้วยอุปนิสัยของเจ้า เจ้าทำได้ดีอยู่แล้ว”
ฉินเฟิงยึดมั่นในหลักการที่ว่า สงสัยก็อย่าใช้ ใช้แล้วอย่าสงสัย
ฉินเฟิงเลยไม่ลังเลที่จะมอบร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินในเหยียนโซ่วให้ลิ่นจื่ออี๋ดูแล
แน่นอน การตัดสินใจนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความคิดชั่ววูบ
รูปแบบการดำเนินธุรกิจของสาขาได้ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอนแล้ว
บนพื้นฐานต้นทุนของพ่อค้าธัญพืชต้นน้ำ ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินจะลดกำไรลงร้อยละสิบสอง ให้พ่อค้าธัญพืชต้นน้ำมีผลกำไร
จากนบนพื้นฐานต้นทุนของร้านค้าตระกูลฉิน จะเพิ่มทุนร้อยละสิบเอ็ด ทำกำไรเล็กน้อย แค่พอรักษาการดำเนินงานให้ปกติ
ขณะเดียวกันก็ทำให้พ่อค้าธัญพืชปลายน้ำมีผลกำไรด้วย
ถ้าอิงตามร้านค้าตระกูลฉินในเหยียนโซ่วที่เป็น ‘พ่อค้าคนกลาง’ ก็จะทำให้กำไรลดลง แม้พ่อค้าธัญพืชปลายทางไม่พอใจ ก็จะไม่สามารถขึ้นราคาอย่างบ้าคลั่งได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคาขายสุดท้ายก็จะลดลงตามไปด้วย ราษฎรจะเข้าถึงได้มากขึ้น
แน่นอน ต้องมีพ่อค้าบางคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น
แต่ร้านค้าธัญพืชตระกูลฉินครอบครองจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเหยียนโซ่วไว้อย่างมั่นคงแล้ว
มีอำนาจในการต่อรองเบ็ดเสร็จ
หาเจอพวกพ่อค้าที่คดโกง คิดฉวยโอกาสขึ้นราคา ก็แค่ไม่ต้องทำการค้ากับคนผู้นั้นอีกก็พอ
วิธีการดำเนินงานเช่นนี้ แทบจะไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นเรื่องนิสัยใจคอของผู้จัดการร้านต่างหาก
เหตุผลง่ายมาก
ผลกำไรจากการค้าจะมากมาย ถ้าผู็จัดการร้านค้าเป็นคนไร้สัจจะ คิดอยากจะแอบขึ้นราคา
แม้จะเพิ่มเพียงหนึ่งในร้อยส่วน กำไรก็มหาศาลแล้ว
สิ่งที่ฉินเฟิงยึดถือในการเลือกผู้กุมบังเหียน ยิ่งกว่าความสามารถ ก็คือคุณธรรมในใจ
พอเห็นว่าฉินเฟิงหนักแน่น ลิ่นจื่ออี๋ก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีก
ในใจนางนับถือฉินเฟิงนัก
ถึงกับแอบสาบานว่า นางจะทุ่มเทชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อร้านค้าธัญพืชตระกูลฉิน เพื่อตอบแทนความไว้ใจของนายน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น นับแต่ฉินเฟิงมามาเหยียบอำเภอเหยียนโซ่ว เขาไม่เคยเลือดปฏิบัติและดูถูกที่นางเป็นผู้หญิง นี่ทำให้ลิ่นจื่ออี๋ยิ่งนับถือในตัวฉินเฟิง
…
ราตรีมาเยือน
ลานด้านหลังร้านค้าธัญพืชตระกูลฉิน
หัวหน้าหน่วยอาวุธมืดขององครักษ์เสื้อแพรหลิ่วหมิง ส่งบัญชีรายชื่อให้ฉินเฟิงพลางรายงานเบา ๆ ว่า
“ตั้งแต่นายน้อยมาถึงอำเภอเหยียนโซ่ว พวกข้าสืบพบผู้คิดร้ายทั้งหมดแปดสิบห้าคน”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ