บทที่ 660 มิตรภาพเจ้าของบ้าน
“ท่านแม่ทัพเฉิน เดิมทีท่านเป็นทูตของเป่ยตี๋ไม่ใช่หรือ? เหตุใดพอเริ่มการเจรจาสันติภาพจริง ๆ ท่านถึงไม่ได้เป็นแม้แต่รองทูตเล่า?”
ฉินเฟิงรินชาให้เฉินซือด้วยตนเอง ความดุดันที่เคยมีจางหายไปนานแล้ว
แม้เฉินซือจะเป็นแม่ทัพ แต่มารยาทของเขาก็ไม่ได้หย่อนยานแต่อย่างใด
แม้เหลือแขนเพียงข้างเดียว แต่ยามยกชาขึ้นจิบก็บังถ้วยชาไว้เป็นมารยาท
ตอนปะทะกัน เฉินซือก็อยู่ในเหตุการณ์
เขาร่วมเดินทางมากับคณธทูต
พอองครักษ์ค่ายเทียนจีโจมตี เฉินซือก็ไม่ได้ลังเล พร้อมสละชีพเพื่อบ้าเมือง
ตอนนี้วิกฤตผ่านพ้น ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะยอมตายไม่ยอมแพ้ของเฉินซือก็คลายลงชั่วคราว
แม้ในสนามรบเขาจะมีแค้นเลือดกับฉินเฟิง แต่ยามนี้กลับแย้มยิ้มราวกับสหายเก่าแก่ที่ไม่ได้พบกันมานาน
“ทูตหลักหรือ?”
“การเจรจาสันติภาพคราวนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของสองแคว้น เรื่องสำคัญยิ่งแบบนี้ ไหนเลยข้าจะรับหน้าที่ได้”
“ไม่ว่าจะเป็นหลู่จู้กั๋วหรือหานอวี้ ทั้งความสามารถ ตำแหน่ง และความน่าเชื่อถือ พวกเขาล้วนเหนือกว่าข้า”
“ตำแหน่งราชทูตและรองราชทูต ไหนเลยจะตกมาถึงข้าได้”
“แต่เช่นนี้ก็ดีแล้ว อำนาจน้อย ความรับผิดชอบน้อย”
“แม้ฟ้าถล่มก็ไม่ทับร่างข้า เจ้าว่าข้ากล่าวถูกหรือไม่?”
ยามพูดคุยกับเฉินซือ ฉินเฟิงร่าเริงราวกับพูดคุยเรื่องทั่วทั่วไป
แต่ถึงจะกำลังยิ้ม ในใจกลับระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินเฟิงกับเฉินซือจะดีแค่ไหน แต่ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่า พวกเขามีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อแคว้นของตัวเองไม่ได้
ฉินเฟิงกัเฉินซือต่างเป็นตัวแทนของแคว้นตนเอง
ความสัมพันธ์ส่วนตัวย่อมไม่อาจเอามาเกี่ยวข้อง
เหตุนองเลือดวันนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ฉินเฟิงไม่โทษคณะทูตเป่ยตี๋ที่ไร้มารยาทและหยิ่งผยอง
เฉินซือก็ไม่โทษฉินเฟิงที่สังหารทหารทั้งหมดที่ติดตามมา
เหตุผลง่ายมาก ผลประโยชน์ของแคว้น ไม่มีเส้นแบ่งทางศีลธรรมใด ๆ ให้พูดถึง
ต่อให้กลยุทธ์ที่ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ ตราบใดสามารถสร้างความได้เปรียบและเป็นประโยชน์ต่อแคว้น กลยุทธ์เพื่อบ้านเมืองย่อมนับว่าไม่เลวร้าย
ฉินเฟิงวางถ้วยน้ำชาลง
สองมือวางบนเข่า เขาแย้มยิ้ม แววตาที่มองเฉินซือวาววับ
“แม้ตำแหน่งขุนนางของแม่ทัพเฉินจะไม่สูงส่ง แต่ถ้าพูดถึงนิสัยใจคอและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ก็ยากจะมีผู้ใดในเป่ยตี๋หรือแม้แต่ทั้งใต้หล้าเทียบท่าน”
“ถ้าการเจรจาสันติภาพคราวนี้มีท่านเป็นหัวหน้าคณะทูต ย่อมสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องราวเช่นวันนี้ได้อย่างแน่นอน”
เฉินซือยกยิ้มแฝงความนัย เขาถามกลับ
“จริงหรือ?”
“กลยุทธ์แข็งกร้าวกดดันของหลู่จู้กั๋ว ก็นับว่าไม่เลว”
“หากข้าเป็นผู้นำคณะทูต ก็คงใช้วิธีนี้เหมือนกัน”
“ถ้าไม่ลอง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไร้ประโยชน์”
“เพียงเกิดการโต้แย้ง ก็สามารถสร้างอำนาจเหนือกว่าบนโต๊ะเจรจาได้ นั่นจะทำให้เป่ยตี๋แทบไม่ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามด้วย”
“ฮ่า ๆๆ นับเป็นการค้าที่ได้กำไรมหาศาลเลยไม่ใช่หรือ?”
ฉินเฟิงพยักหน้า
ยอมรับในกลยุทธ์และการกระทำของหลู่จู้กั๋วอยู่บ้าง
แต่น่าเสียดาย ที่เขาต้องมาเจอกับฉินเฟิง
“วิธีนี้อาจใช้ได้ผลกับประเทศเล็ก ๆ ที่อ่อนแอได้ผล”
“แต่ใช้กับต้าเหลียงมีแต่จะย้อนทำให้ตัวเองลำบากเสียเอง”
“แม้ทางการทหารต้าเหลียงจะไม่แข็งแกร่งเท่าเป่ยตี๋ แต่หากเป็นความแข็งแกร่งในภาพรวม ต้าเหลียงเหนือกว่าเป่ยตี๋ไม่น้อย”
“ถ้าเป็นศึกยืดเยื้อ ต้าเหลียงย่อมไม่มีวันยอมแพ้”
เฉินซือยักไหล่พลางกล่าวว่า “ถ้าเป็นศึกระยะสั้น เป่ยตี๋ก็ไม่เคยแพ้ใคร”
ดวงตาสบประสาน แม้ใบหน้าของคนทั้งสองจะประดับรอยยิ้ม แต่สายตากำลังปะทะกันดุเดือด
ฉินเสี่ยวฝูที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ เช็ดเหงื่อเย็นที่ซึมออกมาบนหน้าผาก
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ