บทที่ 665 เหยื่อล่อ
ยามนี้ ความสนใจทั้งหมดของคนทั้งหมดล้วนอยู่ที่ฉินเฟิง
จังหวะสำคัญแบบนี้ ถ้าฉินเฟิงใช้กำลังกดดันอย่างเต็มที่ก็คงเป็นเรื่องปกติ
ทว่าฉินเฟิงกลับทำตรงกันข้าม ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ถูก
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฉินเฟิงวางกับดัก หลู่หลีจึงส่งเฉินซือไปหมิ่งเยว่ไจครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อสืบหาความจริง
ช่วงเวลาเดียวกัน ที่พระราชวังต้องห้าม
หลี่ยงกำลังยืนให้อาหารปลาอยู่ริมสระบัว รอยยิ้มผุดพรายมุมปาก พึมพำกับตนเองว่า
“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ”
“สมกับเป็นฉินเฟิง ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิดอยู่เสมอ”
“คราวนี้ แม้แต่ตัวข้าก็คาดเดาการกระทำเขาพลาดไป”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮองเฮากับองค์หญิงใหญ่จะหวาดระแวง ส่งคนมาเตือนข้าอยู่หลายครั้ง และถึงขนาดวางแผนปูทางตั้งแต่เนิ่น ๆ”
เสี่ยวจั๋วจื่อที่ยืนรออยู่ด้านหลังเงียบ ๆ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“องค์ชาย แม้แต่ท่านยังไม่อาจหยั่งความคิดของฉินเฟิงได้อีกหรือ?”
“เขาเป็นคนลึกล้ำเพียงนั้นเชียวหรือ?”
หลี่ยงสงบมาก ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจ แม้จะประเมินสถานการณ์ผิดพลาด แต่ก็ยังหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ เหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนอะไร
เขาจ้องมองปลาคาร์ปที่ผุดขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนมีความสามารถ ถึงขนาดร่วมมือกับข้าโค่นล้มองค์ชายรองได้ แล้วเขาจะไม่ลึกซึ้งได้อย่างไร?”
“กวาดตามองทั่วแคว้นต้าเหลียง ผู้ที่แข็งแกร่งพอสู้กับฉินเฟิงได้ ก็คงมีแค่ฝ่ายสนันสนุนฮ่องเต้ที่จงหยวน และตระกูลใหญ่ทางแดนใต้เท่านั้น”
“ส่วนตระกูลหลินแห่งเจียงหนาน ยามนี้อ่อนแรงเต็มที เปรียบได้กับธนูที่ใกล้จะถึงเวลาปล่อยลูกธนูดอกสุดท้าย แม้จะพยายามดิ้นรนต่อสู้ ก็ไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้นาน”
“กระนั้นฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้ที่แผ่นดินจงหยวนหรือตระกูลใหญ่ทางใต้ก็ยังไม่อาจเทียบเทียมบารมีของฉินเฟิงได้”
“แต่จะยิ่งใหญ่หรือล้ำลึกเพียงใดก็เป็นแค่เรื่องรอง”
“สิ่งที่น่าพรั่นพรึงที่สุดในตัวฉินเฟิง ไม่ใช่ความสามารถเหนือผู้อื่น แต่เป็นความกล้าบ้าบิ่น กล้าทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่อาจทำ”
“สังหารทหารที่ติดตามคณะทูตเป่ยตี๋ สร้างอัปยศแก่จู้กั๋วแห่งเป่ยตี๋และขุนนางคนสำคัญต่อหน้าธารกำนัลด้วยความบ้าคลั่ง”
“เขากดข่มจนหลู่หลีจนยอมสยบ การกระทำนี้ แม้แต่ข้าก็ยังต้องคารวะให้”
“ฮ่า ๆๆ เมื่อคนเช่นเขาโหดเหี้นมขึ้นมา แม้แต่ราชวงศ์หลี่ก็ยากจะต่อกร”
เสี่ยวจั๋วจื่อรู้ดีว่าหลี่ยงยกย่องฉินเฟิง
แต่ไม่คิดว่าในใจหลี่ยง เขาจะมองว่าฉินเฟิงร้ายกาจขนาดนี้
ชั่วขณะหนึ่ง เขาอดกังวลขึ้นไม่ได้
ถ้าในอนาคต องค์ชายได้สืบราชบัลลังก์ จะควบคุมฉินเฟิงได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้ล้วนไม่อาจคาดเดา
“องค์ชาย…” เสี่ยวจั๋วจื่อรวบรวมความกล้า ถามอย่างระมัดระวัง “พระองค์ไม่กังวลอนาคตเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หลี่ยงคาดการณ์ไว้แล้วว่าเสี่ยวจั๋วจื่อจะถามเช่นนี้ เขาหยิบเมล็ดข้าวจากชามขึ้นมากำหนึ่ง แล้วโปรยลงในน้ำ”
“อะไรเล่าที่ข้าต้องกลัว” หลี่ยงไม่ใส่ใจ
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ข้าต้องคิด”
“แม้ในใจจะร้อนรุ่มไปก็ยังต้องรอให้การเจรจาจบสิ้นเสียก่อน”
“เกมกระดานระหว่างฝ่าบาทกับฉินเฟิงยังไม่จบลง”
“ถ้าฉินเฟิงเผยคมเขี้ยว ก็คงมุ่งเป้าไปที่ฝ่าบาท หาใช่ข้าผู้เป็นเพียงคนนอกที่เฝ้ามองเกมกระดานนี้อยู่เฉย ๆ แล้วเหตุใดข้าต้องกังวลใจ”
พอกล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหลี่ยงก็ทุ้มขึ้น หนักแน่นและจริงจัง
“ข้าเป็นเพียงองค์ชาย ย่อมไม่อาจกดข่มฉินเฟิงได้”
“แต่ในอนาคต เมื่อได้เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน การจะกดฉินเฟิง…ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“ฮ่องเต้กับองค์ชาย แม้จะมีสายเลือดเดียวกัน แต่อำนาจต่างกันราวฟ้ากับดิน”
พอได้ยินคำพูดของหลี่ยง ความกังวลในใจของเสี่ยวจั๋วจื่อพลันหายไป แววตาเต็มไปด้วยความร้อนแรง ในใจของเสี่ยวจั๋วจื่อผู้ที่จะได้สืบราชบัลลังก์ย่อมเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้ว นอกจากองค์ชายเจ็ดของเขา หลี่ยง
ถ้าหลี่ยงไม่ได้สืบทอดบัลลังก์ สวรรค์ก็คงลำเอียงแล้ว
หลี่ยงไม่ใช่คนรีบร้อน
เขาถูกหลี่เฉียนกดขี่อยู่หลายปี ก็อดกลั้นมาได้
เพียงต้องรออีกนิด ย่อมไม่ยากเย็น
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ