บทที่ 674 คืนรวมตัว
ฉินเสี่ยวฝูร้อนใจจนต้องเดินกระทืบเท้า แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับฉินเฟิง
เขารู้ว่าตอนนี้นายน้อยของเขามีอำนาจมาก แต่ก็ไม่ควรพูดจาไร้สาระอยู่ดี
อย่างน้อยที่สุด ก็ควรรักษามารยาทไว้บ้าง
ถ้าคำพูดเมื่อครู่แพร่งพรายออกไป ย่อมต้องถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ หรืออาจถึงขั้นถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘กบฏ’ ได้
ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ควรระมัดระวังคำพูดและการกระทำอยู่เสมอ
ฉินเสี่ยวฝูที่ติดตามฉินเฟิงมานาน เขาเข้าใจนิสัยของนายน้อยดี
ยามฉินเฟิงปล่อยตัวตามสบาย ใต้หล้านี้ก็ไม่มีใครจะปล่อยตัวได้เท่าเขาแล้ว
ทว่ายามต้องระมัดระวัง ก็ไม่มีผู้ใดจะระมัดระวังยิ่งไปกว่าฉินเฟิง
เขาคือการผสมผสานของสองขั้นที่ต่างกับแบบสุดโต่ง
นิสัยแบบนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ฉินเสี่ยวฝูจำต้องปล่อยวางกับเรื่องนี้ เขาถอนหายใจ แล้วกล่าวเปลี่ยนเรื่องว่า
“นายน้อย ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องรายงานขอรับ”
“คุณหนูสามกำลังออกจากพระราชวัง คาดว่าอีกราว ๆ หนึ่งชั่วยามก้จะมาถึง”
“ท่านจะเตรียมการอะไรสักหน่อย หรือว่า…”
ฉินเสี่ยวฝูยังพูดไม่ทันจบ ฉินเฟิงก็ผุดลุกด้วยความตื่นเต้น
“หา? พี่หญิงสามกำลังมาแล้วหรือ?
“ดี ดีจริง ๆ”
“ไปเตรียมสำรับอาหารเสีย คืนนี้ ฃพวกเราจะจัดงานเลี้ยงครอบครัว!”
ฉินเสี่ยวฝูรับคำ แล้วรีบวิ่งไปจัดการตามที่สั่ง
ฉินเฟิงนั่งกลับลงไป ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นได้เลย
จากการคำนวณ หลี่เซียวหลานต้องอยู่ในพระราชวังอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือน จึงจะเข้าออกพระราชวังได้อย่างอิสระ จึงจะเหมาะสมตามธรรมเนียม
แต่ตอนนี้หลี่เซียวหลานกำลังเดินทางออกจากพระราชวัง ถือว่าออกก่อนกำหนด
หมายความว่า หลี่เซียวหลานให้หน้าฮ่องเต้ต้าเหลียงแล้ว แต่ก็ต้องการแสดงท่าทีและจุดยืนของตัวเอง…
ท่าทีของนางชัดเจนว่า เทียบกับราชวงศ์หลี่ หลี่เซียวหลานให้ความสำคัญกับตระกูลฉินมากกว่า
กล่าวได้ว่า มีเพียงตระกูลฉินที่เป็นครอบครัวจริง ๆ ของนาง หลี่เซียวหลาน
วันนี้ในวังหลังมี ‘พระสนมใหม่’ ไม่ประสาอุบายลึกล้ำในพระราชวัง
หลี่เซียวหลานเลยฉวยโอกาสอ้างความผิดพลาดนี้ ออกจากพระราชวังเสีย
“จุ๊ ๆๆ สมแล้วที่เป็นพี่หญิงของข้า เฉลียวฉลาดนัก!”
ไม่นานนัก ข่าวที่หลี่เซียวหลานออกจากพระราชวังก็แพร่สะพัดไปทั่ว
พอหลิ่วหงเหยียนทราบเรื่องก็ดีใจนัก รีบนำบ่าวไพร่มาแต่งจวน ประดับประดาโคมไฟ จัดงานยิ่งใหญ่
ฉินเฟิงถือโอกาสส่งคนไปแจ้งฉินเทียนหู่ที่วุ่นอยู่กับงานในกรมกลาโหม
แม้ผู้เป็นมารดาอย่างฉินเฉิงซื่อกับบุตรีคนโตและบุตรีคนที่สี่จะยังอยู่ที่อำเภอเป่ยซี ไม่อาจมารวมตัวพร้อมหน้า แต่ตระกูลฉิน การที่สมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกันได้ครึ่งหนึ่งก็นับว่ายากลำบากมาก
นี่จึงถือเป็นเรื่องน่ายินดีและควรให้ความสำคัญยิ่ง
ไม่เพียงฉินเทียนหู่ แม้แต่เซี่ยปี้กับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็ถูกเรียกมาด้วย อย่างไรเสียในอนาคตก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน
ครั้นหนิงหู่กับจ้าวอวี้หลงทราบเรื่องเข้า พวกเขาก็พาครอบครัวมาร่วมด้วยอีก
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ผู้คนมากมายก็ยืนกันอยู่เต็มลานบ้าน รอต้อนรับหลี่เซียวหลาน
เดิมทีคิดว่า การเสด็จขององค์หญิงจะต้องมีขบวนแห่ยิ่งใหญ่
แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น
องค์หญิงหมิ่งเยว่แห่งต้าเหลียงสวมอาภรณ์สีดำปักดิ้นทองสง่างาม ทว่ากลับมาพร้อมกับนางกำนัลสองคนก็คือ เสี่ยวเซียงเซียงและชูเฟิง ทั้งขบวนมีเพียงสามคนเท่านั้น
ช่วงระยะห่างสิบก้าว หลี่เซียวหลานก็ริเริ่มคำนับฉินเทียนหู่
“เซียวหลานคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”
แม้ฉินเทียนหู่จะเป็นเพียงบิดาบุญธรรมของหลี่เซียวหลาน สายสัมพันธ์พ่อลูกจำกัดอยู่เพียงตอนที่หลี่เซียวหลานไร้ที่ไป
ยามนี้นางกลับคืนสู่ราชวงศ์ กลายเป็นองค์หญิงหนึ่งเดียวแห่งต้าเหลียง ชื่อเสียงเล่าลือไปทั่วหล้า
ความสัมพันธ์พ่อลูกก็ถูกบังคับให้สิ้นสุดลงแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ