บทที่ 679 วิธีการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา
แม้ส่วนมากหลิ่วหมิงจะได้รับการฝึกจากโม่หลี แต่ต้องรู้ว่า เดิมทีองครักษ์เสื้อแพร เป็นหลี่เซียวหลานก่อตั้งและฝึกฝนมากับมือ
เพียงแต่ตอนนั้น เขายังมีสถานะต่ำต้อยเกินกว่าจะได้รับความสนใจจากหลี่เซียวหลาน
หลิ่วหมิงเข้าใจดี
แม้ว่าองครักษ์เสื้อแพรจะมีหัวหน้าสองคน แต่เทียบกับโม่หลีแล้ว หลี่เซียวหลานต่างหากที่เป็นหัวหน้าที่แท้จริงขององครักษ์เสื้อแพร
ไหนจะความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เซียวหลานกับฉินเฟิง
กล่าวได้ว่า มุมมองของหลี่เซียวหลานก็คือมุมมองของฉินเฟิง
ไม่ว่าจะสำหรับองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมด หรือองครักษ์เสื้อแพรในอำเภอเป่ยซี หลี่เซียวหลานล้วนคือผู้มีอำนาจเด็ดขาด
พี่หญิงสามของนายน้อยฉิน องค์หญิงแห่งต้าเหลียง และหัวหน้าขององครักษ์เสื้อแพร
ด้วยตำแหน่งเหล่านี้ พอหลิ่วหมิงต้องเผชิญหน้ากับหลี่เซียวหลาน เขาก็ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
แม้หลี่เซียวหลานจะกลับคืนสู่เมืองหลวง และเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดสัวเกต ทำให้นางแทบไม่ได้ติดต่อกับองครักษ์เสื้อแพร
แต่ตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าองครักษ์เสื้อแพร ท่าทีที่นางแสดงออกก็ยังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
เสียงเย็นดังขึ้น “ฉินเฟิงสั่งให้เจ้าคุ้มครององค์ชายหาน อย่าให้หน่วยนกฮูกราตรีฉวยโอกาสได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีเหตุผลใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เจ้าทำภารกิจล้มเหลว ตามกฎขององครักษ์เสื้อแพรแล้ว สมควรได้รับโทษหนัก”
“แต่เนื่องจากเจ้าเป็นศิษย์ของโม่หลี เพิ่งมาทำหน้าที่ในเมืองหลวง”
“อำนาจต่าง ๆ รอบเขตเมืองหลวง ยังรู้ชัด โทษคราวนี้ข้าพอลดหย่อนให้ได้”
หลิ่วหมิงก้มหน้าลงต่ำอย่างที่สุด
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการแก้ตัวใด ๆ
สำหรับองครักษ์เสื้อแพรแล้ว การแก้ตัวเป็นแสดงท่าทีที่ไม่จงรักภักดี
สายตาของหลี่เซียวหลานเฉียบคม “ข้าจะให้เจ้าไถ่โทษด้วยความดี”
“ก่อนฟ้าสาง สังหารหน่วยนกฮูกราตรีในเมืองหลวงให้สิ้นซาก แล้วเอาศีรษะพวกมันกลับมาให้ข้า”
“หลังจากนี้สิบวัน ถ้าไม่ได้ยินข่าวคราวของหน่วยนกฮูกราตรีอีก ข้าจะถือว่าเจ้าทำภารกิจสำเร็จ”
แต่ถ้าภายในสิบวัน ข้าได้ยินข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยนกฮูกราตรี จะถือว่าภารกิจล้มเหลวทันที”
สายตาอันคมกริบหลี่เซียวหลานตวัดมองหลิ่วหมิง
ทุกถ้อยคำแฝงความเด็ดขาดที่ไม่อาจโต้แย้งได้
“ในฐานะหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ข้าไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์!”
“ถ้าทำภารกิจล้มเหลว ข้าจะถอดเจ้าจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยอาวุธมืด แล้วปลดจากการเป็นองครักษ์เสื้อแพร ส่งเจ้ากลับไปอำเภอเป่ยซี เป็นเพียงทหารกรรมกร!”
แม้หลี่เซียวหลานจะไม่ได้ขู่ฆ่า แต่การลดขั้นให้เป็นเพียงทหารกรรมกร ก็นับว่าเป็นโทษที่หนักหนานัก
ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์เสื้อแพร องครักษ์ค่ายเทียนจี หรือแม้แต่กองทหารม้าทมิฬ
สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญที่สุดก็คือ ‘เกียรติยศ’
ทุกคนในอำเภอเป่ยซีล้วนมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้อง และครอบครัวก็อยู่พร้อมหน้า
พลังเดียวที่สามารถขับเคลื่อนให้ผู้คนทุ่มเทสุดชีวิตได้ก็คือ เกียรติยศ!
หากถูกลดขั้นเป็นเพียงทหารกรรมกร สำหรับหลิ่วหมิง เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ หนักหนาเสียยิ่งกว่าถูกฆ่า
สายตาของหลิ่วหมิงพลันเด็ดเดี่ยวขึ้นมา ไม่มีความลังเลใด ๆ
“หัวหน้าโปรดวางใจ ข้าจะทุ่มเทสุดความสามารถ ล้างมลทิน สร้างผลงาน!”
หลี่เซียวหลานไม่สั่งอะไรอีก แค่โบกมือเบา ๆ แล้วกล่างว่า “ไปเสีย!”
หลิ่วหมิงคารวะอีกครั้ง “ข้าน้อยขอตัว!”
หลิ่วหมิงนำหน่วยอาวุธมืดออกไป ไม่หันกลับมามองอีก
หลิ่วหงเหยียนที่แอบดูอยู่ในเรือนข้าง ๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล
“น้องหญิงสาม เจ้าปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาโหดร้ายเกินไป”
“คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้กล้าที่เต็มใจเอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออำเภอเป่ยซี แม้ว่าภารกิจจะล้มเหลว ก็ควรให้โอกาสสักครั้ง”
“ถ้าเข้มงวดเช่นนี้ จะเสียน้ำใจผู้คน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ