บทที่ 680 ขุดดินสามฉื่อ
จริงอยู่ ฉินเฟิงไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่เขาก็ไม่คิดจะวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว เขาต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
ถ้าพูดถึงความจงรักภักดี องครักษ์เสื้อแพรและกองทหารม้าทมิฬ ไม่อาจเทียบได้กับองครักษ์ค่ายเทียนจี
องครักษ์ค่ายเทียนจีเป็นไพ่ใบสุดท้ายในมือของฉินเฟิง
เหมือนกับความสัมพันธ์ของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงกับองครักษ์หลวงข้างกาย
ไม่ว่าองครักษ์ชุดดำจะเสื่อมทรามตกต่ำแค่ไหน ทหารรักษาพระราชวังไร้ความสามารถอย่างไร ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ยังมีองครักษ์หลวงคอยรับมือกับทุกสิ่งให้
ฉินเฟิงตรวจดูอาการบาดเจ็บของหานอวี้หมิงอีกครั้ง
หมอบอกว่า เขาจะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแล้ว
การให้เลือดเสี่ยงเกินไป ถ้าเลือดไม่เข้ากัน จะกลายเป็นปัญญาใหญ่กว่าเดิม
หลังจากเหตุการณ์ที่เสี่ยวเซียงเซียงบาดเจ็บสาหัส ฉินเฟิงก็ไม่กล้าเสี่ยงให้เลือดใครอีกเลย
“พี่หญิงรอง พี่หญิงสาม คืนนี้พวกเรามาพูดคุยเรื่องในอดีตกันดี ๆ สักหน่อยเถอะ”
ฉินเฟิงกะพริบตาปริบ ๆ ท่าทีดูจริงใจอย่างยิ่ง
สำหรับเรื่องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องในหมิ่งเยว่ไจ เขาไม่ค่อยสนใจนัก
ตอนแรกหลิ่วหงเหยียนไม่ได้คิดอะไรมาก นางเลยตอบตกลง การได้กลับมาพบหน้ากันสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อพบกันแล้วเรื่องที่ควรพูดคุย ก็ควรพูดคุยเสีย
ทว่าฉินเฟิงได้เรียกเสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิง ตอนนี้เองหลิ่วหงเหยียนถึงตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล
“เฟิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังคิดสกปรกใช่หรือไม่?”
“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้ทำอะไรเหลวไหล ไม่อย่างนั้น ข้าจะให้พี่หญิงสามของเจ้า ซ้อมเจ้าเสียให้เข็ด!”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิ่วหงเหยียนแดงก่ำ
หัวใจของฉินเฟิงพลันเต้นรัว ปากก็รีบรับปากว่า ตัวเองไม่มีวันคิดแบบนั้น
แต่ร่างกายกลับซื่อตรง พอทุกคนเข้ามา เขาก็ปิดประตูห้อง
หลิ่วหงเหยียนมองฉินเฟิงที่ค่อย ๆ เข้ามาใกล้
“เจ้าเด็กคนนี้…”
“ตีเขาซะ!”
หลิ่วหงเหยียนออกคำสั่ง เสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเข้าไปหา แม้ใบหน้าจะแดงก่ำ
มองดูหลิ่งหงเหยียนทั้งโกรธทั้งอาย กับสาวใช้ทั้งสองที่ซ้อมน้องชายตามคำสั่ง หลี่เซียวหลานก็หัวเราะออกมา
สำหรับหลี่เซียวหลาน ครอบครัวที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำด่าทอ คือครอบครัวที่แท้จริง ดีกว่าพระราชวังต้องห้ามที่เงียบเหงาและน่าเบื่อหน่ายเป็นไหน ๆ
…
ราตรีร่วงโรย ทั้งเมืองหลวงเงียบสงัด
แต่จิตสังหารกลับทวีความรุนแรง
ตอนนี้ องครักษ์ค่ายเทียนจีสามสิบคนติดอาวุธครบมือ ยืนนิ่งอยู่กลางถนนสายหลักของเมืองหลวง
ไม่ไกลนักคือกองทหารรักษาการณ์
กองทหารรักษาการณ์กว่าร้อยนายจ้ององครักษ์ค่ายเทียนจีที่น่าเกรงขามดั่งต้นสน พวกเขาไม่ได้มีท่าทีโกรธเดียด แต่กลับมีความอิจฉาอยู่หลายส่วน
“จุ๊ ๆๆ ว่ากันว่าต้นกำเนิดขององครักษ์ค่ายเทียนจีนี้ ก็คือพวกเราชาวกองทหารรักษาการณ์”
“หากนับลำดับความอาวุโส พวกข้าก็นับเป็นผู้อาวุโสขององครักษ์ค่ายเทียนจีละ ฮ่า ๆๆ”
“ถึงอย่างนั้น กองทหารรักษาการณ์ก็ไม่อาจเทียบกับองครักษ์ค่ายเทียนจีได้”
“ถ้าปะทะกัน พวกเราร้อยกว่าคนจะมีโอกาสชนะทหารค่ายเทียนจีสามสิบคนสักกี่ส่วน?”
“ฟ้ายังไม่สาง เหตุใดฝันกลางวันเสียแล้ว?”
“ผู้ที่สามารถต้านทานองครักษ์ค่ายเทียนจีได้ก็มีแต่องครักษ์หลวง ส่วนพวกเรากองทหารรักษาการณ์ ไปล้างหน้าล้างตานอนเสียเถอะ”
“ก็จริง…ตอoบุกลานประหาร แม้แต่ทหารรักษาพระราชวังก็ยังถูกฆ่าจนล้มตายระเนระนาด”
“แต่จะว่าไปแล้ว ท่านนายกอง พวกองครักษ์ค่ายเทียนจีมายืนทำอะไรกลางดึกเช่นนี้กันขอรับ? น่าขนลุกชอบกล”
นายกองหน่วยลาดตระเวนจ้องมองไปยังองครักษ์ค่ายเทียนจี สายตาระแวดระวังอย่างยิ่ง
ผ่านไปนาน ในที่สุดข้าก็ถอนหายใจออกมา
“พวกเขากำลังเฝ้าระวัง”
ทหารรักษาการณ์หน่วยลาดตระเวนงุนงง
“ระวัง ระวังพร้อมอะไรหรือขอรับ?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ