บทที่ 681 โหดเหี้ยมและมั่นคง
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของรองหัวหน้าหน่วยอาวุธมืด
เขารู้ดี แม้หลิ่วหมิงจะเป็นเพียงหัวหน้าหน่วนตัวเล็ก ๆ ต่อหน้านายน้อยกับคุณหนูสาม
แต่อย่างไร หลิ่งหมิงก็ยังเป็นศิษย์ของโม่หลี หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรฝ่ายขวา
ถ้าหลิ่วหมิงต้องการสังหารเขา ก็ง่ายดายไม่ต่างจากขยี้มดตัวหนึ่ง
“ไม่กล้า? ถ้าไม่กล้า แล้วไยจึงพูดออกมา?”
“วาจาของเจ้ามันบ่งบอกว่า เจ้าความภักดีของเจ้าที่มีตระกูลฉินกำลงสั่นคลอน เจ้าไม่เชื่อในตัวนายน้อย”
“เราล้มเหลวในภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลหรือข้อก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง”
“ด้วยสถานะของนายน้อยย่อใไม่สะดวกจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง การมอบหมายให้องค์หญิงหมิ่งเยว่จัดการ นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว”
“และการที่องคหญิงหมิ่งเยว่ ผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรฝั่งซ้ายออกคำสั่งแก่ก็เป็นเรื่องชอบธรรม”
“ภารกิจล้มเหลว ไม่สำนึกผิด ซ้ำยังบ่นไม่ขาดปาก”
“เจ้ายังเป็นองครักษ์เสื้อแพรหรือไม่? เจ้าขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าหน่วยย่อยได้อย่างไรกัน ข้าล่ะสงสัยนัก!”
ตอนเผชิญหน้ากับฉินเฟิงและหลี่เซียวหลาน หลิ่วหมิงอับอายจนไม่มีที่ซุกหน้า
แต่ในใจรู้ดี การลงโทษครั้งนี้ สมควรอย่ายิ่ง
องครักษ์เสื้อแพรในฐานะหน่วยลับ ย่อมตกเป็นเป้าของทุกฝ่าย
เมื่อเลือกจะทำงานนี้ ก็ต้องตระหนักในเรื่องนี้ด้วย
คืนนี้หลิ่วหมิงเลยขอร้องหนิงหู่ให้นำองครักษ์ค่ายเทียนจีมาช่วยระวังหลัง ป้องกันไม่ให้ถูกองครักษ์ชุดดำหรือองครักษ์หลวงล้อมโจมตีกลางคัน
แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดประสงค์หนึ่ง
สิ่งที่สำคัญคือ เขาต้องการแสดงให้องครักษ์ค่ายเทียนจีเห็นถึงความจงรักภักดีของกองกำลังลับที่มีต่อนายน้อย
ผู้ที่เป็นสายลับทุกคนล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์
ถ้าพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อย ก็อาจถูกสงสัย นำไปสู่หายนะถึงชีวิต
“ก่อนที่ข้าจะเดินทางเข้าเมืองหลวง ท่านอาจารย์มอบคำสอนอันล้ำค่าเอาไว้”
“คำที่ท่าอาจารย์สั่งสอนข้า คืนนี้ข้าจะมอบให้เจ้า”
“นายน้อยฉินปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเมตตา เพื่อพี่น้องและญาติมิตร นายน้อยสละชีวิตได้โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา”
“แต่นั่นก็เป็นเพียงด้านหนึ่ง”
“หากยามใดนายน้อยฉินโหดร้าย ใต้หล้านี้ก็ไม่มีผู้ใดจะโหดร้ายไปกว่าเขาอีกแล้ว”
“เพียงแค่นายน้อยรู้สึกถึงภัยคุกคาม หรือเห็นว่าความปลอดภัยของคนรอบข้างสั่นคลอน”
“เพียงชั่วคืน ก่อนอาทิตย์จะโผล่ออกมา องครักษ์เสื้อแพรในเขตเมืองหลวงจะถูกองครักษ์ค่ายเทียนจีสังหารจนหมดสิ้น”
“สามวันหลังจากนั้น ศูนย์บัญชาการขององครักษ์เสื้อแพรที่อำเภอเป่ยซีก็จะถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก”
“ถ้าพวกเจ้าต้องการรับใช้นายน้อย ก็จงมอบความจงรักภักดีอย่างถึงที่สึดให้ท่านเสีย ห้ามมีความคิดเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย!”
แนวคิดนี้ โม่หลีถ่ายทอดแก่หลิ่วหมิงด้วยตนเอง
และหลิ่วหมิงก็ยึดถือเป็นดั่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มาตลอด เฝ้าเตือนสติตนเองอยู่ทุกคืนวัน
แม้แต่โม่หลีผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรฝ่ายขวาก็ยังคงวางตัวน้อมต่ำอยู่เสมอ เขาปฏิบัติตามคำสั่งอย่างหมดจด ไม่เคยกระทำการใดที่เกินเลย
ด้วยว่า ตั้งแต่ก่อตั้งองครักษ์เสื้อแพร ดาบล่องหนที่อยู่ในมือฉินเฟิง พร้อมจะกวาดล้างพวกเขาทุกเมื่อ!
รองหัวหน้าหน่วยหน้าแดงก่ำเพราะหายใจไม่ออก
กระนั้นก็ยังตอบรับ แม้น้ำเสียงจะอ่อนแรงเต็มที
“ข้าน้อยจะจดจำไว้ให้ขึ้นใจ…”
ได้ยินแบบนี้ หลิ่วหมิงถึงค่อย ๆ คลายมือ สายตาเย็นเยียบมองดูรองหัวหน้าหน่วยที่กำลังหอบหายใจ
ก่อนจะกวาดตามองสมาชิกหน่วยอาวุธมืดที่ซุ่มอยู่รอบ ๆ แล้วกล่าวเสียงเย็น “พวกเจ้าก็จงจำเอาไว้ด้วย”
องครักษ์เสื้อแพรเป็นหน่วยลับ ต่างจากองครักษ์ค่ายเทียนจี
“องครักษ์ค่ายเทียนจีเป็นดาบที่สร้างความสำเร็จให้นายน้อย ไม่มีโอกาสเพิ่มพูนอำนาจของตัวเอง พวกเขาย่อมไม่คุกคามอำนาจของนายน้อย”
“แต่หน่วยลับไม่ใช่เช่นนั้น ด้วยหน้าที่ ข้อมูลในมือเราย่อมคุกคามนายน้อยได้”
“พวกเจ้าจงฟัง ผู้ใดกล้าคิดไม่ซื่อ ไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ค่ายเทียนจีออกโรง ข้าจะเป็นคนลงมืดกวาดล้างเอง แล้วค่อยมอบเงินชดเชยให้ครอบครัวของพวกเจ้า!”
ไม่มีเสียงตอบรับใด มีเพียงแววตาที่มุ่งมั่นขึ้นเท่านั้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ