บทที่ 685 พูดไปก็เปล่าประโยชน์
เสียงโต้เถียงวุ่นวายดังลั่นท้องพระโรง
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นขุนนางคนสำคัญของแคว้นตน
อย่าว่าแต่ฉินเทียนหู่กับหลู่หลีเลย แม้แต่ผู้ที่มีตำแหน่งต่ำที่สุด ก็ยังเป็นถึงขุนนางขั้นสี่!
อาจกล่าวได้ว่า ในท้องพระโรงแห่งนี้ รวมเอาขุนนางชั้นนำของแคว้นมหาอำนาจทั้งสองไว้แทบทั้งหมด
ทว่าบรรดาขุนนางผู้ทรงเกียรติเหล่านี้ที่ปกติมักพูดจาลึกซึ้ง สุขุมเยือกเย็น
ยามนี้กลับทำตัวเหมือนอันธพาล ชี้นิ้วใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามแล้วด่าสาดเสียเทเสียเสียงดัง
ไม่มีความเข้าอกเข้าใจหรือมารยาทใด ๆ ให้พูดถึง
ความลึกลับของการเจรจาระหว่างแคว้น จะว่าลึกซึ้งก็ลึกซึ้ง จะว่าผิวเผินก็ผิวเผิน
ถ้าแกะเปลือกออกจนถึงแก่น ผลประโยชน์หลักที่ได้ แท้จริงไม่มีค่าแม้แต่น้อย
พูดตรง ๆ ก็คือ ผู้ใดกดอีกฝ่ายลงได้ ก็จะได้เปรียบบนโต๊ะเจรจานี้ และแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่แคว้นได้มาก
แต่ไม่มีสิ่งใดจะกดดันกันได้ดีไปกว่าความโกรธ
เหล่าขุนนางผู้รอบรู้ในกลอุบาย แปรสภาพเป็นแม่ค้าปากจัด ชี้นิ้วใส่กัน จวนจะแทงลูกตาของอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ
น้ำลายแตกเป็นฝอย กระจายเต็มห้อง
ฉินเทียนหู่กับหลู่หลีด่าทออย่างรุนแรง ส่วนทูตและเจ้าหน้าที่เจรจาที่เหลือก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
หลี่ซวี่ผู้เป็นเสนาบดีกรมคลัง พับแขนเสื้อ ชี้นิ้วใส่หานอวี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พลางกัดฟันกรอด ๆ
“พวกเจ้าก็แค่พวกคนเถื่อน หยาบคาย พวกแคว้นที่พ่ายสงคราม พวกข้าต้าเหลียงยินดียินดีเจรจา พวกเจ้าก็ควรจะสำนึก”
“แต่พวกเจ้ากลับอวดดี กล้าทำตัวเย่อหยิ่งในเมืองหลวงของต้าเหลียง ช่างไม่รู้จักบุญคุณเสียจริง!”
“ถ้ายังยั่วโทสะกันเช่นนี้ ข้าจะสั่งรวบรวมกองกำลังหนึ่งแสนคน ฆ่าล้างพวกเจ้าเป่ยตี๋เสีย!”
เผชิญหน้ากับการระเบิดอารมณ์ของหลี่ซวี่ หานอวี้หัวเราะเสียงเย็น แล้วโต้กลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“พวกเจ้าก็เก่งแต่ปาก พอถึงยามสนามรบจริง ๆ ก็กลัวจนฉี่ราด”
“ได้ประโยชน์แล้วยังจะมาทำตัวอวดเก่ง เจ้าคิดว่า แคว้นพวกเจ้าชนะสงครามจริง ๆ หรือ?”
“พอให้สีหน่อย ก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของโรงย้อมผ้าไปแล้ว ถุย!”
“อย่าว่าแต่หนึ่งแสนคน ต่อให้มาสองแสนคน กองทัพอันยิ่งใหญ่ของข้าก็จะสังหารพวกเจ้าราวกับฆ่าไก่ชำแหละหมู”
ผู้บัญชาการสำนักไท่ฉางที่อยู่ข้าง ๆ คว้าถ้วยชาขึ้นมา แล้วขว้างลงพื้น
ยังไม่หายแค้นก็คว้าถ้วยชาตรงหน้าหลี่ซวี่ แล้วขว้างใส่เฉินซือที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“เคลื่อนทัพ! เคลื่อนทัพ!”
“ในเมื่อพวกคนเถื่อนเป่ยตี๋แพ้แล้วไม่ยอมรับ ก็ทำให้พวกมันยอมรับด้วยกำลัง!”
เฉินซือที่เหลือแขนข้างเดียวคว้าถ้วยชากลางอากาศ แล้วพลิกมือขว้างคืน ถวยชาลอยกระแทกหน้าผากผู้บัญชาการสำนักไท่ฉาง
เพล้ง!
ถ้วยชาแตกกระจาย หน้าผากของผู้บัญชาการสำนักไท่ฉางมีเลือดไหล
แต่ตอนนี้เขากำลังโกรธ เลยไม่ได้สังเกตเลยว่า หน้าผากของตนเองมีเลือดออก
เฉินซือส่งเสียงฮึดฮัด แล้วกล่าวว่า
“ส่งทหารออกไป?! พวกเจ้าคงเบื่อชีวิตแล้วกระมัง!”
“พวกข้าเป่ยตี๋เตรียมเสบียงพร้อมแล้ว ถ้าอยากตายก็เข้ามาเลย!”
ขันทีน้อยที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นว่าในท้องพระโรงกำลังชุลมุนวุ่นวาย บางคนถึงกับเลือดตกยางออกแล้ว
และเรื่องก็กำลังจะลุกลามใหญ่โต
ขันทีน้อยซับเหงื่อบนหน้าผากครั้งแล้วครั้งเล่า
เหลือบมองไปทางประตูพระราชวังอยู่เนือง ๆ
“เหตุใดนายน้อยฉินยังไม่มาอีก?”
“ถ้าไม่มาตอนนี้ เห็นทีเหล่าขุนนางคงตีกันตายแล้ว”
“เจรจาสันติภาพหรือ นี่มันการแย่งชิงของโจรกับอันธพาลแล้ว…”
“เจรจาสันติภาพครั้งก่อน ๆ ก็เป็นเช่นนี้หรือไร?”
ทหารรักษาพระราชวังที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามถอนหายใจ
“ครั้งก่อนต้าเหลียงพ่ายสงคราม จำต้องขอสงบศึกกับเป่ยตี๋”
“การเจรจาจัดขึ้นในดินแดนของเป่ยตี๋ ได้ยินมาว่า…ดุเดือดกว่านี้เสียอีก”
“ขุนนางที่ได้รับมอบหมายเป็นทูตเจรจาสงบศึกกับเป่ยตี๋คราวนั้นคือผู้ช่วยเสนาบดีกรมพิธีการ เห็นว่าเขาตัวแทนเจรจาฝ่ายตรงข้ามต่อยจนหูอื้อไปหลายเดือน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ