บทที่ 694 คิดแบบปัดเศษขึ้น
มองย้อนกลับไป แม้ว่าต้าเหลียงจะไม่สามารถทำลายเป่ยตี๋ได้ แต่ถ้าต้าเหลียงมีพลังสร้างความเสียหายอย่างหนักให้เป่ยตี๋ เป่ยตี๋ก็จะเคารพต่อต้าเหลียงอย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดแล้ว ระหว่างแคว้น ใครมีกำปั้นใหญ่กว่าก็เหนือกว่า
หลักการ มารยาท กฎหมาย แคว้นต้าเหลียงใส่ใจสิ่งเหล่านี้ แต่เป่ยตี๋จะไม่ใส่ใจ
ฉินเฟิงชี้ให้เห็นถึงจุดขัดแย้งระหว่างแคว้นตั้งแต่แรก
เพียงแค่จุดนี้ หลู่หลีก็ให้ความสำคัญกับการเจรจาสันติภาพวันนี้เป็นพิเศษ อย่างน้อยก็มีสัญญาณของการเจรจาสันติภาพที่แท้จริง
ฉินเฟิงรู้ดีถึงการเดิมพันทั้งหมดในสงครามระหว่างแคว้น ท้องพระโรงเงียบกริบ ไม่ว่าจะเป็นคณะทูตเป่ยตี๋ หรือตัวแทนขุนนางเจรจาสันติภาพของต้าเหลียง ต่างก็ตั้งใจฟังฉินเฟิง
“ค่าชดเชนสิบล้านตำลึง ไม่ใช่ขีดจำกัดของเป่ยตี๋”
“พูดให้ชัดคือ สิบล้านนี้เป็นสิ่งที่พวกเจ้ากำหนดขึ้นโดยพลการ โดยอ้างอิงจากช่องว่างระหว่างแคว้นใหญ่”
“ต้าเหลียงของข้า ไใม่อาจยอมรับข้อเสนอที่หยิ่งยโสของพวกเจ้าได้”
“แต่การถกเถียงว่าแคว้นใดอ่อนแอหรือแข็งแกร่งกว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของวันนี้ พวกเราจะข้ามประเด็นนี้ และเจรจาในเรื่องถัดไปก่อน”
“ในเมื่อเป่ยตี๋แสดงจุดยืนเช่นนี้ ต้าเหลียงก็จะขอแสดงจุดยืนเอาไว้เช่นกัน”
“แคว้นเป่ยตี๋ไม่อาจสู้ต้าเหลียงได้จึงพ่ายแพ้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ต้าเหลียงมีกำลังพอจะทำลายเป่ยตี๋ได้”
“ถ้าเช่นนั้น กลับมาคิดบัญชีนี้อีกครั้งก็จะง่ายขึ้นมาก”
ฉินเฟิงนั่งจนเมื่อย เขาเลยลุกขึ้นยืน พลางเดินเอามือไพล่รอบโต๊ะเจรจา
“การชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามที่แคว้นผู้พ่ายแพ้ต้องรับผิดชอบมีอยู่สามประการ”
“ประการแรก ความสูญเสียของแคว้นผู้ชนะ แคว้นผู้แพ้ต้องรับผิดชอบทั้งหมด”
“ประการที่สอง ค่าใช้จ่ายในการถอนทัพที่แคว้นผู้ชนะสงครามคาดหวังให้จ่าย”
“ประการที่สาม ส่วนที่สำคัญที่สุด ก็คือ ค่าคุ้มครอง”
“กล่าวคือ ช่วงเวลาต่อจากนี้ แคว้นผู้ชนะสงครามจะไม่โจมตีแคว้นผู้แพ้สงครามอีก แต่แคว้นผู้แพ้สงครามจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแสดงการจำนน”
แม้คำพูดของฉินเฟิงจะฟังดูขัดหูอย่างยิ่ง
แต่หลู่หลีและคณะทูตเป่ยตี๋ทั้งหมด ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
แท้จริงแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม ฉินเฟิงแสดงท่าทีชัดเจนว่า ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่บนสมมติฐาน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉินเฟิงเพียงกำลังชี้แจงข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงก็จะส่งผลต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างแคว้นต่อไป
การโต้แย้งในเวลานี้ อาจเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และดูจิตใจคับแคบ
ฉินเฟิงเดินไปด้านหลังหลู่หลี ในใจกำลังคำนวณค่าเสียหายที่คำนวณมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“สงครามคราวนี้ ความสูญเสียของต้าเหลียงส่วนใหญ่รวมอยู่ในสี่ด้านหลัก”
“หนึ่ง สูญเสียอาวุธยุทโธปกรณ์ ป้อมปราการ และสัตว์พาหนะ”
“สอง เงินบำเหน็จสำหรับทหารที่เสียชีวิตในสงคราม”
“สาม การซื้อเสบียงทหารจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาอาหารในแต่ละท้องถิ่นพุ่งสูง จนเพิ่มภาระให้แก่ราษฎร”
“สี่ เนื่องจากภาระของราษฎรเพิ่มขึ้น การเก็บภาษีในแต่ละท้องที่เป็นไปได้ยาก ส่งผลให้คลังหลวงว่างเปล่า”
“ความสูญเสียทั้งสี่ประการนี้ หลังข้าและบรรดาเสมียนบัญชีค่ายเทียนจีคำนวณอย่างละเอียดแล้วก็ได้ตัวเลขออกมา…”
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง”
พอได้ยินตัวเลขนี้ ใจหลู่หลีกระตุกวูบ
ตามนิสัยของฉินเฟิง เขาเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย
เมื่อฉินเฟิงคำนวณตัวเลขนี้ออกมาแล้ว เขาจะต้องยึดมั่นหัวชนฝาแน่ เงินจำนวนนี้สำหรับเป่ยตี๋แล้ว เท่ากับภาษีหนึ่งปีเลยทีเดียว
แคว้นเป่ยตี๋อาจรับภาระนี้ได้ แต่ผลที่ตามมาจะทำให้เป่ยตี๋บอบช้ำอย่างหนัก ไม่สามารถฟื้นฟูกำลังได้ในเร็ววันนี้
การชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามคราวนี้ เทียบกับการก่อสงครามแล้ว ยังส่งผลร้ายแรงต่อการสูญเสียกำลังของแคว้นมากกว่า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ