บทที่ 698 ชอบธรรมแล้ว
แม้เฉินซือไม่อยากจะยอมรับ แต่ความจริงก็ไม่อาจปฏิเสธ
กองทัพของเป่ยตี๋ก็จำเป็นต้องอาศัยเมืองและฐานที่มั่น ค่อย ๆ รุกคืบไปทีละขั้น ระมัดระวังทุกย่างก้าว
ถ้าการรักษาฐานที่มั่นให้มั่นคง ต้องใช้กำลังทหารจำนวนมาก แนวหน้าก็จะอ่อนกำลังลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะต้องรับมือกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้จากทุกทิศทาง
การจะสร้างมณฑลนี้ขึ้นใหม่ ก็มีแต่จะล้มเหลว
เทียบกันแล้ว ความต้องการของอำเภอเป่ยซีนั้นเรียบง่ายและชัดเจน
เมื่อพวกเขาถือว่ามณฑลนี้เป็นเขตกันชน
สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ สร้างความวุ่นวายในดินแดน ทำให้ทหารเป่ยตี๋วุ่นวายจนไม่มีเวลาพักผ่อน
ตลอดมา ความสัมพันธ์ระหว่างเป่ยตี๋กับแคว้นเหลียงชัดเจนมาก
เป่ยตี๋มักเป็นฝ่ายรุก ส่วนแคว้นต้าเหลียงก็ตั้งรับ
แต่พอฉินเฟิงปรากฏตัว ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนก็ถูกทำลายลง ตอนนี้ แคว้นเหลียงกำลังโจมตีอย่างแข็งขัน ถึงคราวที่ฝ่ายเป่ยตี๋ต้องป้องกันบ้างแล้ว
ยังไม่จบ ฉินเฟิงได้วางยาแรงไว้อีกขนานหนึ่ง
เห็นเพียงฉินเฟิงรับพู่กันมา แล้วสะบัดรวดเร็ว ตอบกลับจดหมาย
“ให้แม่ทัพรถม้าศึกเสริมความแข็งแกร่งแนวป้องกันด้านหลังของชายแดนเหนือ”
“แม่ทัพทหารม้ารุกคืบประสานงานกับแม่ทัพชายแดนเหนือ เสริมการป้องกันแนวหน้า”
“กองทัพอำเภอเป่ยซีให้อาศัยพื้นที่กันชนโจมตีตลอดแนว มุ่งไปยังเทือกเขาสยงอิง!”
หลังออกคำสั่งเสร็จ ฉินเฟิงก็ส่งจดหมายให้ขันทีน้อย แล้วกล่าวว่า “จงส่งคำขอบคุณของข้าไปถึงซื่อจื่อ”
“ซื่อจื่อมองเห็นโอกาสจากเทือกเขาสยงอิง สมแล้วที่เป็นบุตรของหมิงอ๋อง”
“แม้ไม่สามารถโจมตีเทือกเขาสยงอิงได้ทันที แต่กลยุทธ์ทำให้ศัตรูอ่อนกำลังก็นับเป็นการจัดการที่ดีที่สุด”
“แล้วจงบอกให้สวีโม่เดินทัพ โจมตีเทือกเขาสยงอิงได้เลย”
“ไม่จำเป็นต้องยึดครอง เพียงแค่ทำลายก็พอแล้ว”
ฉินเฟิงออกคำสั่งเสียงดัง ให้คณะทูตเป่ยตี๋ได้ยินกันทั่ว
หลู่หลีหน้าซีดขาว
หานอวี้กำหมัดแน่น ไม่เอ่ยปากแม้แต่คำเดียว
เฉินซือหลับตาลง ยอมจำนนอย่างหมดหนทาง
เทือกเขาสยงอิงคือจุดเปลี่ยนถ่ายเสบียงที่สำคัญที่สุดของชายแดนเป่ยตี๋ ถ้าถูกโจมตีและทำลาย ทั้งมณฑลก็จะกลายเป็นเขตกันชนอย่างที่ฉินเฟิงต้องการจริง ๆ แล้ว
คำพูดของฉินเฟิงชัดเจน หลี่จางบุตรคนโตของหมิงอ๋องที่อยู่อำเภอเป่ยซี เห็นคุณค่าของเทือกเขาสยงอิง และได้วางกลยุทธ์ส่งกองทหารป่าเข้าล้อมตัดกำลังศัตรู
ถ้าเป่ยตี๋ไม่สามารถส่งกองทัพใหญ่ไปช่วยเหลือได้ทันที อำเภอเป่ยซีย่อมพิชิตเทือกเขาสยงอิงได้โดยง่าย…
สถานการณ์ถูกกำหนดไว้แล้ว…
ท้องพระโรงพลันตกอยู่ในความเงียบ
คณะทูตเป่ยตี๋ไม่มีผู้ใดพูดอะไรอีก ส่วนขุนนางเจรจาฝ่ายต้าเหลียงก็กำลังตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด
พวกเขาและคณะทูตเป่ยตี๋โต้เถียงกันดุเดือดมาสองวันเต็มแน่นอนว่าไร้ความคืบหน้า
ทว่า…พอฉินเฟิงปรากฏตัว ด้วยวิธีการเด็ดขาด พริบตาก็คว้าความได้เปรียบมาครอง
หลี่ซวี่ส่ายหัวพลางหัวเราะขมขื่น
“ตามความเห็นของข้า พวกเรามาที่นี่เพื่อสร้างสีสันเท่านั้น”
“การเจรจาสันติภาพคราวนี้ มีเพียงฉินเฟิก็เพียงพอแล้ว”
ผู้บัญชาการสำนักไท่ฉางยังทึ่งไม่เลิก “ใต้เท้าฉิน บุตรชายท่านช่างน่าเลื่อมใสจริง ๆ”
ใบหน้าฉินเทียนหู่แสดงออกว่าภาคภูมิใจนัก ภายในใจก็ยังตกตะลึงอยู่บ้าง
แม้ฉินเฟิงจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่การกระทำทั้งหมดก็ทำให้ฉินเทียนหู่ทั้งรักทั้งกลัว วิธีการรวดเร็วและเด็ดขาดเช่นนี้ คงมีเพียงฉินเฟิงที่สามารถควบคุมได้
หานอวี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มองสถานการณ์ที่ไม่อาจพลิกกลับ
ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว คงได้แต่หวังพึ่ง ‘อำนาจทางกฎหมาย’ เท่านั้น



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ