บทที่ 700 เจรจาส่วนตัว
ฉินเฟิงไม่ได้กดดันต่อ อย่างไรเรื่องนี้ก็หนักหนาเกิดกว่าที่หานอวี้จะแบกรับ หรือพูดให้ถูกก็คือ ไม่มีใครแบกรับไหว ไม่เว้นแม้แต่ฮ่องเต้เป่ยตี๋
ข้อตกลงเรื่องเขตกันชนไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร มีเพียงสัญญาทางใจ
ด้วยเหตุนี้ เป่ยตี๋สามารถประกาศภายในได้ว่า เป่ยตี๋ไม่เคยละทิ้งมณฑลแห่งนี้ และพยายามจะชิงคืนอยู่ตลอด
แต่แท้จริงแล้วมณฑลแห่งนี้กลายเป็นเขตกันชนอย่างสมบูรณ์
หานอวี้ถอนหายใจยาว กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เรื่องค่าปฏิกรรมสงคราม ท่านจะยอมผ่อนปรนบ้างได้หรือไม่?”
ฉินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “ท่านต้องการให้ข้าถอยอย่างไร?”
สีหน้าหานอวี้ลำบากใจนัก บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขมขื่น “ค่าชดเชยสองร้อยล้านตำลึง เป็นเงินมหาศาลเกินกว่าเป่ยตี๋จะรับไหว”
“ถ้ายอมรับ ย่อมส่งผลกระทบไปทั่วแคว้น”
ฉินเฟิงเองก็ได้พิจารณาแล้ว
เงินมหาศาลเช่นนี้ อย่าว่าแต่เป่ยตี๋เลย แม้แต่ต้าเหลียงก็ไม่อาจแบกรับ
ถ้าเป่ยตี๋ยอมจำนน จ่ายเงินร้อยล้านตำลึงเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม ขนแพะงอกจากตัวแพะ ภาระหนี้สินมหาศาลนี้ ย่อมตกเป็นภาระที่ของราษฎรต้องแบกรับ
พอประชาชนไร้หนทาง ก็เหลือทางเดียวแล้ว นั่นคือ ก่อกบฏ!
กลุ่มอำนาจต่าง ๆ จะไร้การควบคุม ถึงตอนนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของชายแดนต้าเหลียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่หากต้องเลือก ก็ต้องเอาความเสียหายที่น้อยกว่า
การปะทะเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังไงก็สั่นคลอนรากฐานของต้าเหลียงไม่ได้
กลับกัน ถ้าแคว้นเป่ยตี๋ทุ่มเทกำลังทั้งหมด โจมตีครั้งสุดท้าย ย่อมมีโอกาสที่จะล้มล้างต้าเหลียงได้
ฉินเฟิงยอมเห็นการกบฏภายในของเป่ยตี๋ ดีกว่าที่จะเห็นเป่ยตี๋รุ่งเรือง!
“ใต้เท้าหาน นับตั้งแต่เป่ยตี๋ตัดสินใจบุกรุกต้าเหลียง พวกเจ้าก็ควรเตรียมใจรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว”
“นับแต่ก่อตั้งต้าเหลียง เป่ยตี๋ก็คอยรุกรานชายแดนต้าเหลียงมาตลอด ชาวบ้านชายแดนต้องทนทุกข์จากสงครามและการถูกรุกราน พืชผลและทรัพย์สินที่สูญเสีย”
“เงินสองร้อยล้านตำลึงจะชดใช้ได้อย่างไร?”
“ถ้าคิดบัญชีเก่าทั้งหมดแล้ว เกรงว่าแม้แต่หนึ่งพันล้านก็ยังไม่พอ!”
“ข้าแค่ให้เป่ยตี๋ชดใช้ความเสียหายจากสงครามคราวนี้ นี่ก็เมตตามากแล้ว นับเป็นความยิ่งใหญ่และใจกว้างของแคว้นต้าเหลียง”
“ถ้าเป่ยตี๋ไม่รู้ดีชั่ว คิดแต่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ เช่นนั้นก็ให้สงครามพูดแทนเถิด!”
ทั้งท้องพระโรงมีเพียงเสียงของฉินเฟิงที่ก้องกังวาน
ไม่ว่าจะเป็นคณะทูตเป่ยตี๋ หรือขุนนางเจรจาสงบศึกฝ่ายต้าเหลียง สายตาทั้งหมดจับจ้องอยู่ที่ฉินเฟิง
คนสำคัญของการเจรจาคราวนี้คือฉินเฟิง
หานอวี้หลับตาลง สูดหายใจลึก เขาถูกต้อนจนหมดหนทางแล้ว
ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วขอตัวออกไปสูดอากาศ พร้อมกับเรียกเฉินซือไปด้วย
พอออกมาด้านนอก หานอวี้ขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงอึ้งถามขึ้น “แม่ทัพเฉิน เกรงว่าพวกเราจะต่อรองต้าเหลียงไม่ได้แล้ว”
“ฉินเฟิงหนักแน่นนัก เราจะต้องจ่ายค่าชดเชยสองร้อยล้านตำลึงจริง ๆ หรือ?”
สีหน้าเฉินซือเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
การต่อรองทางการเมือง เฉินซือไม่ได้เชี่ยวชาญเขาจึงวิเคราะห์จากมุมมองทางทหารเพียงอย่างเดียว
“การสูญเสียในสงครามไม่ได้คงที่เสมอไป”
“ดังคำกล่าวที่ว่า แรกเริ่มฮึกเหิม ครั้งที่สองอ่อนแรง ถึงคราวที่สามหมดกำลัง”
“การโจมตีคราวแรกมักเป็นตัวกำหนดชัยชนะ หลังจากการวางแผนยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสบียงอาหารหรืออาวุธยุทโธปกรณ์จะถูกกดลงให้ต่ำที่สุด”
“และนั่นคือการโจมตีที่ได้เปรียบที่สุด”
“เมื่อการโจมตีครั้งแรกล้มเหลว ก็จะเริ่มบีบคั้นแคว้น”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ