บทที่ 704 ความสมดุลของความกลัว
โดยทั่วไปแล้ว องครักษ์หลวงจะคุกเข่าให้คนแค่สองคนเท่านั้น คนแรกคือฮ่องเต้ต้าเหลียง อีกคนคือฮองเฮา
สำหรับผู้อื่น ละเว้นการคำนับได้ทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้ฉินเฟิงกลับสั่งให้องครักษ์หลวงคุกเข่าพูดคุยทั้ง ๆ ที่อยู่ในเขตพระราชวังต้องห้าม ช่างเป็นการกระทำที่ล่วงเกินและหมิ่นเกียรติของฮ่องเต้
ตามกฎของพระราชวัง องครักษ์หลวงสามารถชักดาบสังหารฉินเฟิงต่อหน้าธารกำนัลได้ทันที
แต่ด้วยอำนาจของฉินเฟิงตอนนี้ ผู้ใดเล่าจะกล้า? ต่อให้ฝ่าบาทเสด็จมาเองก็ยังไม่กล้าลงมือ
ตุบ!
องครักษ์หลวงทิ้งตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ขอท่านป๋อคลายโทสะด้วย”
สีหน้าฉินเฟิงเรียบเฉย กล่าวว่า “ไม่จริงใจ”
จากนั้นก็ยื่นมือไปข้างหน้า “ส่งดาบให้ข้า”
องครักษ์หลวงใจหายวาบ…ฉินเฟิงจะก่อเหตุร้ายในเขตพระราชวังต้องห้ามหรือ?
ถ้าแค่ขู่ขวัญก็ช่างเถิด แต่องครักษ์หลวงไม่คิดว่าจะเป็นแค่การข่มขู่ ฉินเฟิงบ้าบิ่นมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่าองครักษ์หลวงก็ได้แต่ถอดดาบที่เอวส่งให้ฉินเฟิงด้วยสองมือ
ไม่เพียงแต่ขันทีและนางกำนัลจากวังหลังที่เห็น จางซิวเย่ เหล่าทหารรักษาพระราชวัง และองครักษ์หลวงอีกสองคนที่กำลังโกรธจัดก็เห็น ทว่าทำได้แค่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป
ฉินเฟิงคว้าดาบมา ยกดาบขึ้น ๆ ลง ๆ ชั่งน้ำหนักสองสามครั้ง แววตาเย็นเยียบ
เขาไม่เคยอยากก่อกบฏจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงการทำสงครามกลางเมืองกับฮ่องเต้ต้าเหลียง เขาถึงได้เค้นสมองวางกลอุบาย เพื่อเล่นเกมถ่วงดุลอำนาจกับฝ่าบาท
แต่การใช้เพียงสมองไม่อาจทำให้ฮ่องเต้ต้าเหลียงและเหล่าผู้สูงศักดิ์ในวังหลังเห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจน
เมื่อเป็นเช่นนั้น บางครั้งก็ต้องใช้วิธีที่เด็ดขาดเพื่อแสดงจุดยืน
ฉินเฟิงชักดาบ สายตาดูแคลนจ้องมององครักษ์หลวง น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นผู้น้อย ก็ควรคุกเข่าลงกับพื้นทั้งสองข้าง”
“การคุกเข่าข้างเดียวแสดงว่าในใจยังต่อต้าน”
“ถ้าเป็นคนของข้าเอง ข้าก็คงอดทนและค่อย ๆ สั่งสอน”
“แต่กับคนอื่น ข้าไม่มีความอดทนขนาดนี้”
“ถอดเกราะคอออกเสีย”
องครักษ์หลวงกัดฟันแน่น ค่อย ๆ ถอดเกราะที่คอออก พลางปลอบใจตัวเองซ้ำ ๆ …ฉินเฟิงย่อมไม่ฆ่าเขา เพราะแค่ต้องการแสดงอำนาจ
หัวใจจางซิวเย่ที่หลบอยู่ไกล ๆ เต้นรัวจนแทบจะหลุดมาจุกคอตายแล้ว
ทหารรักษาพระราชวังที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถึงกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก “ท่าน…ท่านหัวหน้าขันทีจาง ฉินเฟิงคงไม่ลงมือจริง ๆ ใช่หรือไม่ขอรับ?”
จางซิวเย่ส่ายหน้าไปมา “ไม่…ไม่มีทาง ถึงนายน้อยฉินจะเป็นคนเด็ดขาด แต่ที่นี่คือเขตพระราชวังต้องห้าม เขาย่อมไม่กล้าล่วง…”
ก่อนจางซิวเย่จะพูดคำว่า ‘ล่วงเกิน’ จบ
เสียงกรีดร้องของนางกำนัลก็ดังขึ้น
ดวงตาของจางซิวเย่เบิกกว้าง ทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว
ฉินเฟิงยกดาบ ฟันฉับ ตัดศีรษะองครักษ์หลวงอย่างไม่ลังเล
เขาเคยอยู่ในสนามรบ ทำสงครามเลือดกับเป่ยตี๋ร่วมกับเหล่าทหารชายแดนเหนือมาแล้ว ฉินเฟิงไม่ใช่นายน้อยเจ้าสำราญผู้อ่อนแอเช่นเมื่อก่อน การลงดาบของเขา เฉียบขาดและรวดเร็ว
ตุบ!
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ศีรษะขององครักษ์หลวงร่วงพื้น พื้นหินอ่อนของพระราชวังต้องห้ามถูกย้อมเป็นสีแดง
นายน้อยฉินโยนดาบในมือทิ้งไปด้านข้าง สายตาเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใด
“ทาสกบฏสมควรตายแล้ว”
ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้เท่านั้น เอามือไพล่หลัง เดินตรงไปทางวังหลังด้วยท่าทีสบาย ๆ
เดินมาได้ไม่ไกล สายตาก็เหลือบมองจางซิวเย่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ