บทที่ 706 บีบบังคับให้กำหนดวัน
ท่าทางของเหล่านางกำนัลเห็นได้ชัดว่า ข่าวสะพัดมาถึงนี่แล้ว
ฉินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ รอให้จางซิวเย่รายงาน พอได้รับอนุญาตจากผุ้สูงศักดิ์ด้านใน เขาก็ก้าวเข้าไปในวัดกวนอิม
องค์หญิงใหญ่กับฉีหยางจวิ้นจู่ยืนอยู่ข้างกัน ด้านหน้ารูปปั้นพระแม่กวนอิม ทั้งสองคนขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าซับซ้อน
โดยเฉพาะองค์หญิงใหญ่ ถึงกับคว้าแขนเสื้อของฉีหยางจวิ้นจู่โดยไม่รู้ตัว
การกระทำเล็ก ๆ นี้ ทำให้ฉีหยางจวิ้นจู่ประหลาดใจ
ต้องรู้ว่า แม้แต่เผชิญหน้ากับกุ้ยเฟยเมื่อก่อน มารดาของนางก็รักษาท่าทีนิ่งเฉยได้ตลอด ทว่าตอนนี้ กลับมีท่าทีสับสนวุ่นวายให้เห็น แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ผ่านไปเพียงไม่นาน ฉินเฟิงเติบโตมากนัก…
ฉินเฟิงไม่ได้ละเลยมารยาท เขาก้มหน้าต่ำ เดินเข้ามาในวัดพระแม่กวนอิม คุกเข่าลงกับพื้น คำนับอย่างนอบน้อม ก่อนน้ำเสียงถ่อมตัวจะดังขึ้น “จ่างเล่อป๋อ คารวะองค์หญิงใหญ่ คารวะฉีหยางจวิ้นจู่”
พอเห็นฉินเฟิงคุกเข่าคำนับ องค์หญิงใหญ่ถึงได้โล่งอกขึ้นบ้าง ถึงกับแอบผ่อนลมหายใจออกมา
อย่างน้อยการกระทำก็พิสูจน์ว่า ฉินเฟิงยังยินดีน้อมตัวลงต่ำต่อราชวงศ์หลี่
“ใต้เท้าฉินลุกขึ้นเถิด เจ้ากับข้านับว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
กล่าวถึงตรงนี้ องค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงเสริมอีกประโยคว่า “ถึงอย่างไร ก็อยู่ต่อหน้าพระโพธิสัตว์กวนอิม”
ฉินเฟิงไม่ลังเล ค่อย ๆ ลุกขึ้น ปัดเข่าเบา ๆ และยังคงก้มหน้าต่ำ ขณะถามว่า “ไม่ทราบว่าองค์หญิงใหญ่ เรียกหาข้าน้อย มีธุระสำคัญอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์หญิงใหญ่อ้ำอึ้ง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เดิมทีเรียกฉินฟิงมาพบ ตั้งใจจะตำหนิรุนแรง ให้ฉินเฟิงเข้าใจว่า การเป็นขุนนาง แม้สร้างคุณูปการมากมาย ก็ยังต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ทว่ายังไม่ทันได้เจอหน้า ฉินเฟิงก็ส่งสารข่มขู่มาก่อนแล้ว หัวใจของิงค์หญิงใหญ่สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
โชคดี นางเป็นคนเฉลียวฉลาด ปรับเปลี่ยนท่าทีฉับไว องค์หญิงใหญ่เปลี่ยนหัวข้อ จงใจใช้น้ำเสียงสบาย ๆ เอ่ยราวกับไม่ใส่ใจ “นับตั้งแต่สงครามระหว่างแคว้นเริ่มต้นจนถึงวันนี้ ใต้เท้าฉินสร้างผลยอดเยี่ยมมากมาย คิดว่าควรชมเชยเจ้าด้วยตนเองสักครั้ง”
“เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน ขอเพียงบอกมา ข้าจะมอบให้เจ้า”
ฉินเฟิงรีบคำนับ “ความเมตตาขององค์หญิงใหญ่ ฉินเฟิงซาบซึ้งนัก”
“ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ประสงค์ประทานรางวัล เช่นนั้นขอพระองค์ช่วยพูดดี ๆ สักคำกับฝ่าบาท เรื่องการแต่งงานของกระหม่อมกับองค์หญิงหมิ่งเยว่ด้วย เรื่องแต่งงานตกลงกันไว้นานแล้ว แต่วันแต่งงานไร้กำหนด กระหม่อมเฝ้ารอคอยด้วยความทุกข์ใจนัก”
การแต่งงานระหว่างฉินเฟิงกับหลี่เซียวหลานเหมือนจะเร่งด่วน แต่ราวกับเป็นแค่ข่าวลือไร้ความคืบหน้าใด ๆ
ด้วยทั้งฮ่องเต้ต้าเหลียงและเหล่าผู้สูงศักดิ์วังหลังล้วนไม่ปรารถนาให้ฉินเฟิงได้เป็นพระสวามี โดยเฉพาะตอนนี้ที่ฉินเฟิงมีอำนาจล้นฟ้า ถ้าได้ตำแหน่งพระสวามีขององค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวในฮ่องเต้ต้าเหลียง กลายเป็นพระญาติของราชวงศ์หลี่ เกรงว่าขุนนางทั้งราชสำนักเดินผ่านฉินเฟิงก็ต้องค้อมตัวลงต่ำ
แล้วในใจหลี่เซียวหลานก็ไม่ได้นับราชวงศ์หลี่เป็นอะไรเลย นางนับเพียงตระกูลฉินเป็นครอบครัว การแต่งงานคราวนี้ย่อมมีแต่ผลดีต่อตระกูลฉิน แค่ข้อนี้ราชวงศ์หลี่ก็หวาดระแวงแล้ว
อำนาจของฉินเฟิงมีมากนัก ไม่อาจปล่อยให้ไร้การควบคุมต่อไปได้
องค์หญิงใหญ่แสร้งทำเป็นเข้าใจ น้ำเสียงอ่อนโยนเอื้อนเอ่ย “ข้าจะกราบทูลฝ่าบาทให้”
ฉินเฟิงยังคงประสานมือไว้ข้างหน้า ท่าทีสำรวม น้ำเสียงผ่อนคลายอย่างยิ่ง “ข้าน้อยกล่าวว่าพูดดี พระองค์ล่าวว่ากราบทูล เหมือนความหมายไม่ต่าง แต่กลับผิดเพี้ยนไปมาก เกรงว่า พระองค์คงเสียดายองค์หญิงเมิ่งเยว่ ไม่อยากให้ออกเรือนกระมัง?”
องค์หญิงใหญ่ใจหายวาบ
ฉินเฟิงเหมือนรักษามารยาท เข้าใจสถานการณ์ แต่กลับวาจากลับกดดัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ