บทที่ 708 มีมารดาสองคน
ถ้าคำพูดนี้หลุดออกจากปากผู้อื่น พวกเขาคงถูกลากตัวไปประหารชีวิตแล้ว
เรื่องราวในพระราชวังจะให้คนนอกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร?
แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉินเฟิง กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป อย่าว่าแต่ ฉินเฟิงแค่ลองถาม ต่อให้เขากล่าวหาฮองเฮาว่าอยู่เบื้องหลังตรง ๆ ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร
หัวใจขององค์หญิงใหญ่แทบจะหลุดออกจากอก เรื่องนี้มีผลกระทบใหญ่หลวง
ถ้าคดีเก่านี้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมา ผู้คนมากมายย่อมถูกลากเข้าไปพัวพัน
แต่เพอองค์หญิงใหญ่หันมองฮองเฮา กลับพบว่าฮองเฮายังคงแย้มยิ้ม ราวกับทรงคาดการณ์ไว้แล้วว่าฉินเฟิงจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
“การสวรรคตขององค์ชายใหญ่ ข้าเองก็เจ็บปวดนัก”
“ถ้าไม่เกิดเหตุเช่นนั้น ปัญหามากมายเพราะตำแหน่งรัชทายาทคงไม่เกิด ด้วยองค์ชายใหญ่ก็คือรัชทายาทโดยชอบธรรม ไม่มีผู้ใดแย่งชิงไปได้”
“ส่วนเรื่องที่ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสวรรคตขององค์ชายใหญ่ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ฉินเฟิง เจ้าอยู่ในหมู่ราษฎร แม้จะรับรู้ข่าวสารได้ว่องไว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีทั้งข่าวจริงและเท็จ เจ้าจะแยกแยะความจริงเท็จได้อย่างไร?”
“เรื่องเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน ไม่อาจเชื่อถือ”
ทว่าสิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือองครักษ์เสื้อแพรสืบสาวเรื่องจนถึงที่สุดแล้ว
แม้องครักษ์เสื้อแพรจะล่วงเข้าพระราชวังต้องห้ามไม่ได้
แต่องค์ชายใหญ่สิ้นพระชนม์ในสงคราม และสถานที่ที่สิ้นพระชนม์ก็คือชายแดนเหนือ
และชายแดนเหนือกว้างใหญ่ก็กลายเป็นอาณาเขตของฉินเฟิงนานแล้ว การสืบสวนคดีเก่าบนดินแดนของตนเอง ย่อมมีข้อได้เปรียบ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…
เว่ยเซียวที่เป็นอันดับสี่ในสมาคมรายนามสวรรค์ เขาเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งในพระหัตถ์ของฮองเฮา ฉินเฟิงอาศัยความสัมพันธ์พิเศษกับเว่ยเซียว สอบถามเรื่องนี้ได้อย่างอ้อม ๆ
แม้ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่ผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารองค์ชายใหญ่ย่อมต้องเป็นฮองเฮาแน่นอน
ฉินเฟิงคาดการณ์ไว้แล้วว่าฮองเฮาจะไม่ยอมรับ เขาไม่รีบร้อน กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “แม้คดีเก่าแก่นี้จะไม่สามารถสืบสวนได้แล้ว”
“แต่คดีนี้เกี่ยวพันกับตระกูลฉิน”
“ถ้าไม่ใช่องค์ชายใหญ่สวรรคต ท่านแม่ของข้าจะต้องประสบเคราะห์กรรม ถูกเนรเทศกลับบ้านเกิดหรือ หนำซ้ำการเนรเทศคราวนั้นก็ยาวนานมาถึงสิบกว่าปี”
“คดีองค์ชายใหญ่ถ้าไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังก็คงจบไป แต่หากข้าสืบหาเบื้องหลังพบ ต่อให้เป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลเป็นอันขาด!”
ฮองเฮาหรี่ตาลง มองฉินเฟิงนิ่ง ๆ ไม่แสดงอาการใด ๆ จากแววตาของฉินเฟิง นางสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจสั่นคลอน
การแก้แค้นที่ฉินเฟิงกล่าวถึงย่อมไม่ใช่แค่คำขู่ไร้แก่นสาร
เพียงแต่ผู้ที่สมควรตายก็ตายไปหมดแล้ว ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตก็ล้วนเป็นคนสนิทของฮองเฮา
ต้อให้ฉินเฟิงสืบ ฮองเฮาก็มั่นใจ เขาจะไม่พบหลักฐานใด นางจึงหัวเราะออกมา และถามอย่างไม่เกรงกลัว “ถ้าคนคนนั้นเป็นคนของราชวงศ์หลี่เล่า เจ้าจะทำเช่นไร?”
ฉีหยางจวิ้นจู่เหงื่อตก
คำพูดของฮองเฮาไม่ต่างกับการวางกับดักฉินเฟิง
และกับดักนี้ก็อาจเกิดเรื่องรุกรามใหญ่โต เพียงฉินเฟิงกล้าประกาศแก้แค้นราชวงศ์หลี่ ถ้าพูดให้เบาก็คือ ลบหลู่เบื้องสูง พูดให้หนักก็คือ การกบฏ
ทว่าการกระทำเช่นนี้อาจใช้ได้ผลกับผู้อื่น ใช้กับฉินเฟิงไม่ได้
แม้แต่ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ยังกลัวว่าจะบีบจนฉินเฟิงก่อกบฏ ถึงขนาดที่ฉินเฟิงสังหาร องครักษ์หลวงต่อหน้าธารกำนัล ฮ่องเต้แคว้นเหลียงก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
เผชิญหน้ากับการยั่วยุของฮองเฮา ฉินเฟิงย่อมไม่ยอมอ่อนข้อ เขาพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ต้องใช้คืน นี่คือกฎสวรรค์และความยุติธรรมบนแผ่นดิน”
“อย่างที่ว่ากันไว้ แม้แต่ฮ่องเต้ ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับสามัญชน”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ