บทที่ 709 ผู้ใดจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย
ฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อ หันหลังไปมองพระโพธิสัตว์กวนอิม พลางเอ่ยเบา ๆ ว่า “เฟิงเอ๋อร์ คุกเข่าก่อนเถิด”
วิธีโค่นล้มใครสักคนมีมากมาย ไม่จำเป็นต้องทำให้ถึงตาย การทำให้ศัตรูไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ตลอดไป ก็นับว่าเป็นความสำเร็จรูปแบบหนึ่ง
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ฉินเฟิงมีความสามารถมาก จนราชวงศ์หลี่ไม่อาจจัดการกับเด็กสารเลวคนนี้ได้
แต่จากมุมมองของฮองเฮา ผู้มีสายตาเฉียบคม ความคิดลึกล้ำ แม้ฉินเฟิงจะอันตรายแต่ก็เต็มไปด้วยจุดอ่อน
ถ้าใช้วิธีที่เหมาะสม อย่างไรก็ควบคุมหมาป่าหิวโหยที่พร้อมจะฉีกทุกคนเป็นชิ้น ๆ ได้
เมื่อฮองเฮาบอกให้คุกเข่าลา ฉินเฟิงย่อมไม่สามารถอยู่ต่อได้
เขาคุกเข่าทำความเคารพพระโพธิสัตว์กวนอิม ไม่อวดดีหรือถ่อมตน กล่าวเสียงเรียบเฉยต่อฮองเฮา “ฉินเฟิงทูลลา”
พอออกจากวัดกวนอิม จางซิวเย่อยู่ก็รีบเดินเข้ามาหา
สีหน้าเรียบเฉยของฉินเฟิง ทำให้จางซิวเย่ไม่อาจเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเลยรวบรวมความกล้า ถามลองเชิง
“นายน้อยฉิน ท่านสบายดีหรือไม่?”
ฉินเฟิงไพล่มือไว้ด้านหลัง ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ดี ทุกอย่างเป็นอย่างที่คาดหมาย”
“ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่กุ้ยเฟยหลินยังถูกฮองเฮาเล่นงาน ฮองเฮาช่างร้ายกาจจริง ๆ”
“ข้าเพิ่งใช้กดดันองค์หญิงใหญ่เรื่องแต่งงานกับองค์หญิงหมิ่งเยว่ ฮองเฮาก็ใช้เรื่องนี้ย้อนกลับมาโจมตีข้าได้ทันที”
“ฮ่า ๆ ความเฉียบแหลมและความสามารถในการปรับตัวนี้… ไม่เหมือนผู้ถือศีล สวดมนต์ทั้งวันสักนิด เหมือนขุนนางเก่าแก่ที่เล่นเกมการเมืองในราชสำนักอยู่ทุกวันเสียมากกว่า…”
ได้ยินฉินเฟิงพูดถึงฮองเฮาเช่นนี้ จางซิวเย่ตกใจจนหน้าซีดเผือด ยกแขนเสื้อซับเหงื่อเย็นหน้าผากครั้งแล้วครั้งเล่า
ภายในเขตวังหลัง การวิพากษ์วิจารณ์ฮองเฮาโดยไม่ระมัดระวังก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย
แม้จางซิวเย่จะเป็นหัวหน้าขันทีได้ไม่นาน แต่ทั้งชีวิตก็อยู่อต่ในพระราชวังต้องห้ามมาตลอด
บรรดาผู้ผู้สูงศักดิ์ภายในวังหลัง ผู้ใดมีเบื้องหลังแข็งแกร่ง ใครมีอุบายลึกลับ จางซิวเย่รู้ทั้งหมด
สำหรับคนทั่วไป ฮองเฮาคือผู้มีคุณธรรมและความเมตตา
หากขันทีน้อยหรือนางกำนัลที่เผลอทำผิด ฮองเฮาล้วนเมตตาไม่เอาความ
แต่ถ้าเป็นผู้มีตำแหน่งและฐานะสูงพอจะคุกคามอำนาจได้ ก็จะได้ลิ้มรสความ ‘ความเมตตา’ ของฮองเฮา
ด้วยอำนาจและสถานะของฉินเฟิงตอนนี้ ฮองเฮาคงอยาก ‘เมตตา’ ฉินเฟิงให้หนักเต็มทีแล้ว
ถึงจะทำอะไรฉินเฟิงไม่ได้ แต่จะทำอะไรคนรอบตัวเขาไม่ได้เชียวหรือ
จางซิวเย่ไม่กล้าเออออ เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “นายน้อยฉิน ในเมื่อท่านได้พบกับองค์หญิงใหญ่และฮองเฮาแล้ว ข้าน้อยจะไปส่งท่านออกจากพระราชวัง”
ออกจากวัง? ไยต้องเร่งออกจากวัง?!
ได้มาเยือนวังหลังทั้งที ย่อมต้องใช้โอกาสไปพบพี่หญิงสามถึงจะถูกต้อง
ฉินเฟิงพูดออกมาโดยไม่คิดมาก “ขันทีจาง ข้ารบกวนเจ้านำทางไปตำหนักองค์หญิงหมิ่งเยว่สักหน่อย”
จางซิวเย่ลอบถอนหายใจยาว
จางซิวเย่ย่อมรู้นี้ เรื่องเช่นนี้ไม่ถูกตามขนบกฎเกณฑ์ แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้เพียงพาฉินเฟิงไปยังตำหนักองค์หญิงหมิ่งเยว่อย่างไม่มีทางเลือก
ช่วงเวลาเดียวกัน ที่วัดกวนอิม ฮองเฮายืนอยู่หน้าพระพุทธรูปกวนอิม พลางถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
“เห็นหรือไม่ นี่คือหมาป่าหิวโหยที่เราฟูมฟักขึ้นมากับมือ”
“อยู่ข้างนอก หมาป่าตัวนี้ใช้งานได้ดีนัก แต่พอมันหันกลับมา มันก็แยกเขี้ยวกางเล็บใส่เรา พร้อมจะฉีกกระชากเนื้อเราเช่นกัน”
“องค์หญิงใหญ่ เจ้าคิดว่า ข้ากับฉินเฟิง ใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย?”
ได้ยินคำถามของฮองเฮา องค์หญิงใหญ่กดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ