บทที่ 719 ฉินเฟิงมาแล้ว!
ผู้นำขุนนางผู้ซื่อสัตย์ที่วางตัวเป็นกลาง เฉินเจิ้งแห่งศาลไท่พูก้าวออกมาข้างหน้า
เขาไม่มองพวกขุนนางพลพรรคเถาหลิน ทั้งยังไม่สนใจเหล่าขุนนางฝ่ายฮ่องเต้ด้วย ท่าทีไม่น้อมต่ำ ไม่ยกตน กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“บัดนี้การแย่งชิงอำนาจในราชสำนักทวีความรุนแรงขึ้นทุกที”
“พลพรรคเถาหลินที่นำโดยใต้เท้าฉิน และฝ่ายฮ่องเต้ที่นำโดยใต้เท้าเถียน ครอบครองตำแหน่งขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊กว่าเก้าส่วนในราชสำนัก”
“ทั้งสองฝ่ายต่างมีหน้าที่สำคัญ แต่กลับมุ่งแต่จะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ ทิ้งบ้านเมืองและราชบัลลังก์ของต้าเหลียงไว้ที่ใดเล่า?”
“ข้าอยากถามใต้เท้าฉินกับใต้เท้าเถียน ตำแหน่งมหาเสนากับไท่เป้า หอมหวานนักหรือ?”
“แม้แต่ท่านทั้งสองที่เป็นขุนนางคนสำคัญในราชสำนักก็ยังวุ่นวายใจถึงเพียงนี้เชียว?”
เฉินเจิ้งไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เขาตำหนิขุนนางผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในราชสำนักต่อหน้าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงและเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊อย่างเปิดเผย
แม้เฉินเจิ้งเพียงคนเดียวนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะพลิกสถานการณ์ได้
ต่อให้รวมพลังกับเหล่าขุนนางผู้ซื่อสัตย์ทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังก็ยังไม่อาจสร้างความปั่นป่วนใหญ่โตในราชสำนัก
แต่…
ทุกคนต่างรู้ดี บรรดาขุนนางที่ได้ชื่อว่า ‘ขุนนางผู้ซื่อสัตย์’ ;วางตัวเป็นกลาง แท้จริงล้วนแต่เป็นพวกหัวรั้นทั้งสิ้น
พวกเขาไม่เคยยอมอ่อนข้อและไม่รับสินบน ยึดมั่นในหลักการอย่างเคร่งครัด อย่าว่าแต่ขุนนางในราชสำนักเลย ถ้ายั่วโทสะพวกเขาเข้า แม้แต่ฮ่องเต้ต้าเหลียง พวกขุนนางผู้ซื่อสัตย์เหล่านี้ก็กล้าที่จะโต้เถียงต่อหน้า
ทั้งท้องพระโรงพลันเงียบกริบ
เถียนหยวนโซ่วไม่อยากปะทะกับพวกขุนนางผู้ซื่อสัตย์ หาไม่เขาคงหนีไม่พ้นที่จะต้องแบกรับความยุ่งยาก
ฉินเทียนหู่ก็เงียบไม่ปริปาก แม้เขาจะนำพลพรรคเถาหลิน แย่งชิงตำแหน่งมหาเสนากับตำแหน่งไท่เป่า แต่จุดประสงค์หลักคือการรักษาสถานะของตระกูลฉิน ยุติความขัดแย้งภายใน ฟื้นฟูแคว้นต้าเหลียง
พลพรรคเถาหลินไม่ได้มีเจตนาที่จะผูกขาดอำนาจในราชสำนัก จึงไม่อาจยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับขุนนางผู้วางตัวเป็นกลางได้
ในราชสำนักนี้ ขุนนางที่ดีไม่ใช่เป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ที่วางตัวเป็นกลาง แต่ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ทุกคนเป็นขุนนางที่ดีโดยไม่ต้องสงสัย
พอเห็นฉินเทียนหู่กับเถียนหยวนโส่วนิ่งเงียบ ฮ่องเต้แคว้นเหลียงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระนั้นก็ยังไม่อาจยินดีได้
เฉินเจิ้งออกหน้า ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง เขาเพียงรู้สึกว่า การที่พลพรรคเถาหลินกับฝ่ายฮ่องเต้แย่งชิงตำแหน่งมหาเสนากับไท่เป่าเป็นภัยต่อบ้านเมืองเท่านั้น
ดังที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงคิด เฉินเจิ้งกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “กระหม่อมเห็นว่า ตำแหน่งมหาเสนากับไท่เป่าไม่อาจเว้นว่างลงเช่นนี้ได้อีกต่อไป”
“จำต้องคัดเลือกผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งโดยเร็ว”
“ส่วนว่าผู้ใดจะมาดำรงตำแหน่ง ย่อมต้องเลือกสรรผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง”
พอได้ยินวาจานี้ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงใจหายวาบ
หลี่ซวี่รีบฉวยโอกาส “เมื่อเป็นการเลือกสรรผู้มีความสามารถย่อมต้องพิจารณาจากผลงานเป็นสำคัญ ข้าขอถาม ในบรรดาขุนนางทั้งหมดในราชสำนัก ผู้ใดมีผลงานมากกว่า ใต้เท้าฉินบ้าง”
“นอกจากใต้เท้าฉิน ยังจะมีผู้ใดรับภาระอันหนักอึ้งนี้ได้อีกหรือ?”
เผชิญกับคำถามหลี่ซวี่ เฉินเจิ้งตอบอย่างไม่เกรงใจ “ผลงานของใต้เท้าฉินไม่มีผู้ใดเทียบได้ นับว่าเป็นความจริง”
“แต่อิทธิพลของตระกูลฉินยิ่งใหญ่เกินไป ตำแหน่งมหาเสนากับไท่เป่า เราไม่อาจมอบให้ตระกูลฉินได้เด็ดขาด!”
เสนาบดีกรมขุนนาง อู๋เหมี่ยน พลันตวาดเสียงดัง “ใต้เท้าเฉินเจิ้ง ชัดเจนว่าท่านไม่พอใจใต้เท้าฉิน”
“เมื่อครู่ยังกล่าวว่าให้เลือกคนตามความสามารถ แต่พอหันหลังก็กลับคำ อะไรกันที่ว่าอำนาจตระกูลฉินยิ่งใหญ่เกินไป ไม่สามารถดำรงตำแหน่งมหาเสนาหรือไท่เป่า? เจ้าขุนนางผู้ซื่อสัตย์ หรือคิดจะเล่นเกมอำนาจเช่นกัน?”
“ใต้เท้าเฉิน เห็นแก่ว่าท่านเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์วางตัวเป็นกลาง จึงยอมถอยให้ด้วยความยินดี ท่านอย่าได้เอาความสุภาพมาเป็นโชคลาภเลย”
เฉินเจิ้งคาดการณ์ไว้แล้วว่าคำพูดของตนจะก่อให้เกิดเสียงโต้แย้งเช่นนี้ เขาจึงวางเฉยไม่สนใจ
เฉินเจิ้งยืนสง่าผ่าเผยท่ามกลางเหล่าขุนนาง สายตามองตรงไปข้างหน้า ไม่หวั่นไหวกับคำพูดใด
“อู๋เหมี่ยน เจ้าตื่นเต้นไปมากไปกระมัง?”
“ถ้าว่ากันด้วยตำแหน่ง ข้าเป็นเจ้าหน้าที่ศาลไท่พู ก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าเจ้าที่เป็นเสนาบดีกรมขุนนางสักเท่าไหร่”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ