บทที่ 723 หยุดแค่นี้
เป้าหมายของพลพรรคเถาหลิน ไม่ใช่เพียงตำแหน่งมหาเสนา
แต่พวกเขาเตรียมจะชิงทั้งตำแหน่งมหาเสนาและไท่เป่า ต้องได้ทั้งสองตำแหน่ง ถึงจะมั่นคงในฐานะผู้นำในราชสำนัก
ดำรัสของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง ทันทีที่ประกาศออกมาก็ถูกหลี่ซวี่คัดค้าน
“กระหม่อมเห็นว่าไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!”
“ซานกงครบถ้วนจึงสามารถถ่วงดุลและช่วยเหลือกันได้”
“ถ้าซานกงเหลือเพียงสอง แล้วทั้งสองคนต่างความเห็น แล้วคำสั่งราชการจะออกไปบังคับใช้ได้อย่างไร?”
“มีเพียงการแต่งตั้งไท่เป่าเท่านั้นถึงจะสามารถประนีประนอมได้ เมื่อมหาเสนาและราชครูไม่อาจหาข้อสรุปร่วมกัน”
“หาไม่ การเมืองในราชสำนักก็ยากจะมั่นคง”
เหล่าขุนนางพลพรรคเถาหลินต่างเห็นด้วยกับหลี่ซวี่
แม้แต่ฉินเทียนหู่ก็เช่นกัน
ฉินเฟิงยินดีเป็นข้าราชบริพาร ภักดีต่อฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง ไม่นับเป็นปัญหา แต่สำหรับเหล่าขุนนางทั้งหลาย สถานการณ์กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ธนูที่ยิงออกไปแล้วย่อมไม่มีวันหวนกลับ เหล่าขุนนางพลพรรคเถาหลินต่างยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงแล้ว
ถ้าไม่อาจรวบอำนาจ เมื่อใดที่อำนาจเสื่อมถอย ย่อมต้องถูกฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงลงโทษ
ถึงต้องนั้นก็ไม่มีใครรอดได้อีก!
เมื่อตัดสินใจทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ยึดอำนาจทั้งหมดไว้ให้ได้!
ขุนนางพลพรรคเถาหลินล้วนไม่มีใจคิดกบฏ ยิ่งไม่มีแผนการจะลดอำนาจฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงแต่อย่างใด แต่เพราะถูกสถานการณ์บีบครั้น หลายคราวเลยไม่อาจควบคุมได้
เมื่อขุนนางพลพรรคเถาหลินคัดค้าน พระพักตร์ของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงดำทะมึน ส่วนขุนนางฝ่ายฮ่องเต้ก็กระสับกระส่าย เตรียมจะลงมือ
ตอนนั้นเอง เสียงทรงพลังของฉินเฟิงก็ดังก้องไปทั่วท้องพระโรง
“ข้าเห็นว่า แผนการนี้ใช้ได้!”
ในฐานะผู้นำของพลพรรคเถาหลิน ฉินเฟิงกลับคัดค้านความเห็นทางการเมืองของ พลพรรคเถาหลิน ทำให้ขุนนางทั้งท้องพระโรงตกตะลึง
ฉินเฟิงไม่รีบร้อนอธิบาย น้ำเสียงทุ้มต่ำกล่าวว่า “หัวหน้าขันทีจาง พาพวกนางกำนัล ขันที ทหารรักษาพระราชวัง และเหล่าทหารทั้งหมดออกไปจากท้องพระโรงเดี๋ยวนี้!”
จางซิวเย่คาดเดาได้ สิ่งที่ฉินเฟิงกำลังจะพูดต่อไปต้องสร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คน
หัวใจของเขาได้หลอมรวมเข้ากับพลพรรคเถาหลินไปนานแล้ว แต่ภายนอกยังเป็นคนสนิทของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
กระทั่งฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงพยักหน้า จางซิวเย่ถึงได้พอหายใจคล่อง รีบโบกมือ สั่งให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากท้องพระโรง
พอออกไปแล้วเขาก็ปิดประตูท้องพระโรงแน่นหนา นับจากนี้ไป บทสนทนาทั้งหมดภายในท้องพระโรงจะไม่มีทางรั่วไหลออกไป
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าฉินเฟิงต้องการทำสิ่งใด แต่ทุกคนล้วนหวาดหวั่น จนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ฉินเฟิงเป็นนักรบผู้เลือดเย็น เขากล้าสังหารองครักษ์หลวงต่อหน้าธารกำนัลในเขตพระราชวังต้องห้าม ใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่เขาไม่กล้าทำอีก?
ฉินเฟิงค้อมกายลงต่ำ คำนับฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง แล้วค่อย ๆ เหยียดยืน หันกายมองไปยังเหล่าขุนนางทั้งหลาย
“เหล่าขุนนางพลพรรคเถาหลินทั้งหลาย สิ่งที่ข้าฉินเฟิงหวาดกลัวที่สุด สุดท้ายก็เกิดขึ้นเสียแล้ว!”
“สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แล้วสถานการณ์ก็สามารถสร้างขุนนางทรยศและพรรคกบฏได้เช่นกัน!”
“พวกท่านล้วนเป็นขุนนางผู้มีความสามารถในราชสำนัก ความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นต้าเหลียงย่อมไม่อาจแยกจากความทุ่มเทของพวกท่านได้”
“การก่อตั้งพลพรรคเถาหลินก็เพื่อรวมกลุ่มให้ความอบอุ่นปลอดภัยแก่กัน หลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายจากกลุ่มไท่เป่า บัดนี้ศัตรูหายไปแล้ว แต่พลพรรคเถาหลินยังต้องการศัตรู เป้าหมายของพวกเราเลยมุ่งไปที่ฝ่าบาทโดยธรรมชาติ”
“เพื่อปกป้องตนเอง พวกท่านต้องชิงตำแหน่งมหาเสนากับไท่เป่ามา ก็เหมือนกับตระกูลฉินของข้า เพื่อปกป้องตนเอง จำต้องคว้าอำนาจใหญ่มาไว้ในมือ”
“เข้าใจ ข้าเข้าใจทั้งหมดดี”
“แต่ทุกสิ่งต้องรู้จักพอดี ถ้าวันนี้พวกท่านบีบบังคับให้ฝ่าบาทยอมจำนน พรุ่งก็จะบีบบังคับให้ฝ่าบาทประนีประนอม มะรืนจะบีบบังคับให้ยอมแพ้”
“ถึงตอนนั้น พวกท่านกับพวกขุนนางโฉดชั่ว พรรคพวกชั่วช้า จะแตกต่างกันอย่างไร?”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินเฟิงกำหมัดแน่น สายตาคมกริบกวาดมองขุนนางทุกคน เสียงเปี่ยมพลังก้องกังวาน
“พวกท่านทั้งหมดหยุดเสียเท่านี้เถิด!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ