บทที่ 728 คำพูดเดียวคือชั่วชีวิต
หม่าอวี่ถอนหายใจโล่งอก สายตาที่มองฉินเฟิงเปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้ง แม้เขาจะเป็นบุตรชายของผู้บัญชาการสูงสุดของค่ายตะวันออก มีตำแหน่งสูงส่งและอำนาจมาก แต่เหตุใดเมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิงกลับต่อต้านไม่ได้เลย?
ช่างเถอะ ช่างเถอะ!
หม่าอวี่ไม่กล้าอยู่ต่อ กลัวว่าจะถูกฉินเฟิงขุดหลุมฝังอีก รีบประสานมือคำนับ แล้วหนีอย่างรวดเร็ว
มองหม่าอวี่ที่รีบจากไป จ้าวอวี้หลงหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ “พี่ฉิน หม่าอวี่ก็เป็นถึงบุตรชายผู้บัญชาการใหญ่ค่ายตะวันออก เจ้าจัดการเขาแบบนี้ไม่ใจร้ายเกินไปหรือ?”
ฉินเฟิงตอบกลับยิ้ม ๆ “กันไว้ดีกว่าแก้”
“ข้าเดินทางคราวนี้ อย่างน้อยก็สามถึงห้าเดือนกว่าจะกลับมา ถ้าฝ่ายฮ่องเต้ทนความเหงาไม่ไหว คิดฉวยโอกาสก่อเรื่อง ถึงจะมีทูตส่งสารขององครักษ์เสื้อแพรควบม้าเร็วส่งข่าว แต่กว่าคำสั่งของข้าจะส่งกลับมาถึงก็คงสายเกินไปแล้ว”
“อวี้หลง หลังจากข้าจากไป ทุกเรื่องในเมืองหลวงต้องฝากเจ้าดูแลแล้ว”
“ตอนข้าจากชายแดนเหนือมา ภารกิจที่มอบให้สวีโม่คือให้รักษาชายแดนเหนือเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องสร้างผลงาน เพียงแค่รักษาสภาพไว้ไม่เปลี่ยนแปลงก็ถือเป็นความดีความชอบอันดับหนึ่ง”
“ตอนนี้ ข้าก็จะมอบภารกิจเดียวกันให้เจ้า สถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้เป็นอย่างไร พอข้ากลับมาก็ต้องเป็นเช่นนั้น ถึงจะนับเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า”
“อวี้หลง ทั้งเจ้า หนิงหู่ สวีโม่ ต่างก็เป็นแม่ทัพที่ดี แต่ไม่ใช่ขุนนางในราชสำนัก การรบทัพจับศึกพวกเจ้าเก่งกาจ แต่เมื่อใดที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ทางการเมือง พวกเจ้าจะถูกหลอกได้ง่าย จงจำไว้เพียงข้อเดียว อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในราชสำนักเด็ดขาด”
จ้าวอวี้หลงพยักหน้ารับหนักแน่น สายตาที่มองฉินเฟิงเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง
“พี่ฉิน ท่านวางใจเถอะ ผู้ใดกล้าคิดร้ายต่อตระกูลฉินต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
ฉินเฟิงอบอุ่นหัวใจนัก เขาตบไหล่แข็งแกร่งของจ้าวอวี้หลงพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้ามศพของเจ้าไป? จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“เจ้าต้องเหยียบศพศัตรูไปต่างหาก!”
“เฉินเจิ้งมีคำกล่าวหนึ่งที่ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง ภายในเมืองหลวงแห่งนี้อย่าไว้ใจผู้ใดมากเกินไป ทุกเรื่องต้องเผื่อไว้เสมอ”
“ค่ายตะวันออกและตะวันตกยามต้องระวังก็ต้องระวัง ยามต้องโจมตีก็ต้องโจมตีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!”
จ้าวอวี้หลงเข้าใจถึงความเด็ดเดี่ยวของฉินเฟิงดี ถ้าค่ายตะวันออกและตะวันตกรักษาความสงบสุข ก็ให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ถ้าพวกเขามีเจตนาร้าย กองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์และค่ายเทียนจีต้องลงมือก่อน
สายตาของจ้าวอวี้หลงเฉียบคมขึ้น รับปากหนักแน่น “ข้าเข้าใจแล้ว!”
มีจ้าวอวี้หลงคอยระวังหลัง คอยดูแลเรื่องในเมืองหลวง ทำให้ฉินเฟิงวางใจ
แล้วฉินเฟิงก็กลับมาที่หมิ่งเยว่ไจ พอมาถึงก็เริ่มลงมือจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เตรียมเดินทางไปเป่ยตี๋
กากส่าในห้องหมักพร้อมสำหรับการกลั่นสุราแล้ว แต่กลับตรงกับกำหนดการเดินทางไปเป่ยตี๋ที่ถูกเลื่อนขึ้นมาพอดี
ไม่มีทางเลือก ฉินเฟิงจำต้องมอบหมายเรื่องการกลั่นสุราให้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ดูแล
อย่างไร หอสุราธารหยกก็ถูกส่งมอบให้ตระกูลเซี่ยแล้ว เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็นับได้ว่าเป็นพ่อค้าครึ่งตัว
ภายในห้องหมัก ฉินเฟิงมองถังกากส่าหลายใบด้วยความคาดหวัง แต่ก็ต้องจำใจสั่งการด้วยความอาลัยอาวรณ์ “อวิ๋นเอ๋อร์ อีกห้าวันเจ้านำกากออกมา แล้วทำการกลั่นตามที่ข้าเขียนไว้ให้เจ้าอย่างเคร่งครัด”
“กลั่นออกมาได้บางส่วนแล้วให้องครักษ์เสื้อแพรส่งไปให้ข้า พอแน่ใจว่าคุณภาพไม่มีปัญหา ค่อยกลั่นในปริมาณมาก แล้วนำออกสู่ตลาด”
“สุราขาวเหล่านี้เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายทางทหารของกองทัพทำสงครามไกลของเป่ยซีในภายหน้า ต้องไม่ให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้ารับเบา ๆ จดจำคำพูดของฉินเฟิงไว้ในใจ
มองใบหน้าด้านข้างของฉินเฟิงที่เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็พุ่งเข้าไปกอดแน่น
นางซบหน้าลงบนไหล่ของฉินเฟิง แล้วกระซิบเบา ๆ “ฉินเฟิง เจ้าจะกลับมาเมื่อใด? เจ้าจะไม่ทิ้งข้าไว้ในเมืองหลวงคนเดียวใช่หรือไม่?”
ฉินเฟิงตบหลังของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เบา ๆ น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลม “เร็วที่สุดสามเดือน ช้าที่สุดครึ่งปี ไม่ว่าอย่างไรข้าจะกลับมาแน่”
“ถึงตอนนั้น ตระกูลฉินของเราจะต้องมีเรื่องน่ายินดีไม่ขาดสาย”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ไม่เข้าใจ นางถาม “เรื่องน่ายินดีไม่ขาดสายหรือ? หมายความว่าอย่างไร?”
ฉินเฟิงดึงจมูกนางเบา ๆ “เจ้าซื่อบื่อหรือ? หลังข้าได้แต่งงานกับพี่หญิงสาม พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ