บทที่ 732 ภูเขาซากศพใต้กำแพงเมือง
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลี่จางเข้าใจ ฉินเฟิงยินดีนัก เขาไม่อาจประจำอยู่ที่อำเภอเป่ยซีได้ตลอด สถานการณ์โดยรวมของอำเภอเป่ยซีล้วนต้องเป็นหลี่จางดูแล
การเติบโตของหลี่จางนับเป็นโชคสำหรับฉินเฟิงและประชาชนทั้งหมดของอำเภอเป่ยซีแล้ว
ฉินเฟิงตั้งใจชะลอความเร็วม้า ยื่นมือไปตบไหล่ของหลี่จาง
“ซื่อจื่อ ถ้าอยากสร้างยุคทองแห่งสันติสุขก็จำเป็นต้องมีคนที่กลายเป็นสัตว์ร้าย”
“พวกเราอยู่ในสนามรบ ไม่อาจใช้เหตุผลหรือคุณธรรมกับศัตรู ในสงครามมีเพียงความตาย!”
หลี่จางพยักหน้าหนักแน่น “ข้าเข้าใจแล้ว พี่ฉิน ขอบคุณท่านจริง ๆ”
ฉินเฟิงถอนหายใจโล่งอก ด้วยสติปัญญาของหลี่จาง การโจมตีเทือกเขาสยงอิงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่…
เขามีสายเลือดของราชวงศ์หลี่ นับว่าเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง ตั้งแต่เยาว์ย่อมได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างตามแบบแผน ยึดมั่นใน ‘มารยาทและคุณธรรม’ การปฏิบัติต่อพวกพ้องเช่นนี้นับว่าดี แต่กับศัตรู สิ่งเหล่านี้กลับถ่วงขาเขาอยู่
ฉินเฟิงควบม้าผ่านอำเภอเป่ยซี ไม่ได้เข้าไปทักทายมารดาและพี่สาว เพียงแต่มองจากที่ไกล ๆ แวบหนึ่ง แล้วเร่งติดตามกองทัพ มุ่งไปยังแนวหน้าเทือกเขาสยงอิง
ช่วงเวลาเดียวกันบนกำแพงเมืองอำเภอเป่ยซี ผู้คนมากมายกำลังยืนรอต้อนรับการกลับมาของนายน้อยฉิน
ทว่าพอหลินฉวีฉีเห็นขบวนทัพของฉินเฟิงค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป แววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังก็ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความสงสัย
“เหตุใดพี่ฉินไม่หยุด?”
“มาถึงเมืองแล้ว ถึงสถานการณ์ทางทหารจะเร่งด่วน แต่ถึงกับไม่มีเวลาแวะทักทายเชียวหรือ?”
แน่นอน หลินฉวีฉีรู้นิสัยของฉินเฟิงดี เพียงยืนอยู่ข้างฉินเฉิงซื่อจึงได้แต่แกล้งเอ่ยเช่นนี้ออกมา
แววตาฉินเฉิงซื่อผิดหวังอยู่บ้าง แต่สำรวมอาการได้อย่างรวดเร็ว แล้วนางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ฮึ ๆ เช่นนี้จึงเป็นเฟิงเอ๋อร์ของข้า!”
“ไปเถิด อย่าปล่อยให้ความผูกพันทางสายเลือดขัดขวางการใหญ่”
จิ่งเชียนอิ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เม้มริมฝีปากบาง นางลังเล แต่สุดท้ายก็หันหลัง วิ่งลงกำแพงเมืองไป
ด้วยอยู่ไกล ฉินเฟิงเลยไม่เห็นผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่บนกำแพงเมือง กระนั้นก็ยังรู้สึกว่ามีสายตามากมายมองมา หัวใจพลันหนักอึ้ง
“ซื่อจื่อ ระหว่างความจงรักภักดีกับความกตัญญู เจ้าว่าสิ่งใดสำคัญกว่า?”
หลี่จางรับรู้ถึงความลำบากใจของฉินเฟิง เขาเอ่ยออกมาโดยไม่ต้องคิด “ทั้งสองล้วนสำคัญ งแต่…ถ้าไม่มีส่วนรวมจะพูดถึงครอบครัวได้หรือ?”
ได้ฟังเช่นนี้ สายตาเศร้าสร้อยลังเลของฉินเฟิงพลันแน่วแน่ “เจ้าพูดถูกแล้ว!”
“ส่งคำสั่งออกไป เร่งเดินทัพ มุ่งหน้าสู่เทือกเขาสยงอิง!”
……
ท้องฟ้ายังคงมืดมิดดั่งน้ำหมึก
จวนผู้บัญชาการเทือกเขาสยงอิง ผู้บัญชาการกองทัพรักษาการณ์หม่าถิงอวิ๋นอ่านรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา สายตาลึกล้ำ
“ฉินเฟิงมาถึงชายแดนเหนือแล้วหรือ?”
ทหารส่งสารที่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้ารีบตอบ “เป็นข่าวที่หน่วยนกฮูกราตรีที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นต้าเหลียงส่งกลับมา เป็นความจริงแน่นอนขอรับ”
“อีกอย่าง… ฉินเฟิงผ่านอำเภอเป่ยซีไม่ได้แวะพัก นำกำลังทหารมุ่งตรงมายังเทือกเขาสยงอิงของพวกเราทันที”
“ตอนนี้ตั้งค่ายอยู่ที่เชิงเขาแล้ว”
ตาขวาของหม่าถิงอวิ๋นกระตุกไม่หยุด
ทั่วทั้งแคว้นต้าเหลียงหม่าถิงอวิ๋นไม่เกรงกลัวผู้ใด แม้แต่หลี่จางแห่งอำเภอเป่ยซี
แต่พอได้ยินว่าฉินเฟิงมาแล้ว หัวใจของเขากลับเต้นระรัวด้วยความกังวล
“ตรงมายังเทือกเขาสยงอิง…คงตั้งใจจะโจมตีป้อมปราการเทือกเขาสยงอิงอย่างหนัก”
บรรดาแม่ทัพที่นั่งหารือร่วมกันอยู่ในจวนพลันหัวเราะเยาะ
แม่ทัพหลู่ฉือกล่าวเหยียดหยัน “โจมตีเทือกเขาสยงอิงอย่างหนัก? ฉินเฟิงเสียสติไปแล้วกระมัง”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ