บทที่ 733 เผชิญหน้ากับเทือกเขาสยงอิง
หม่าถิงอวิ๋น หลู่ฉือ และแม่ทัพคนอื่น ๆ เร่งวิ่งไปยังกำแพงเมือง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล เริ่มสว่างแล้ว เพียงพอที่จะมองเห็นเทือกเขาสยงอิงทั้งหมด
ห่างจากป้อมปราการสองร้อยก้าว บนพื้นรกร้าง ซากศพนับร้อยกองสุมเป็นภูเขา ล้วนเป็นศพเน่าเปื่อย ทหารเป่ยซีหลายคนพันผ้าขาวปิดจมูก กำลังย้ายศพเน่ามากองรวมกัน
กองศพแบบนี้ยังมีอีกสองกอง
จากเสื้อผ้าศพ รับรู้ได้ว่าศพเหล่านี้ล้วนเป็นทหารเป่ยตี๋ที่เสียชีวิตระหว่างทำสงคราม
หม่าถิงอวิ๋นตระหนักได้ทันที ฉินเฟิงกำลังใช้กลยุทธ์โจมตีจิตใจ สายตาของเขาพลันเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
“เป็นดังคาด ฉินเฟิงคิดโจมตีป้อมปราการอย่างหนักจริง ๆ เขาใช้ศพเน่าของทหารเป่ยตีบั่นทอนขวัญกำลังใจเรา จากนี้ก็จะเริ่มโจมตี!”
“เพื่อบุกยึดป้อมปราการเทือกเขาสยงอิง ฉินเฟิงไม่เลือกวิธีจริง ๆ”
หลู่ฉือที่อยู่ข้าง ๆ เโกรธจัด
ทุบกำแพงพลางตวาดลั่น “ไร้ศีลธรรมนัก”
“มีคำกล่าวที่ว่าผู้ล่วงลับยิ่งใหญ่ แต่ฉินเฟิงกลับขุดศพขึ้นมา ไม่ละอายเสียบ้าง”
“ผู้ใดจะติดตามข้าออกไปชิงร่างไร้วิญญาณพี่น้องเรากลับมาบ้าง?!”
บรรดาแม่ทัพส่งเสียงตอบรับ
ร่างไร้วิญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นวีรบุรุษที่สละชีพในสนามรบ บางทีอาจมีพี่น้องใต้บังคับบัญชาของหลู่ฉือและแม่ทัพท่านอื่น ๆ อยู่ก็เป็นได้
ความโกรธแค้นที่ไม่เคยมีมาก่อนแผ่ขยายไปทั่วกำแพงเมือง ผู้คนเดือดดาล คำรามด้วยความโกรธ ตัดสินใจจะเปิดประตูป้อมปราการออกไป
หม่าถิงอวิ๋นรีบยกมือปรามฝูงชนที่กำลังโกรธแค้น
“ทุกท่านใจเย็นก่อน นี่เป็นกลยุทธ์โจมตีจิตใจ อย่าได้หลงกลเป็นอันขาด!”
“ขอเพียงเราเพียงยึดมั่นป้องกันป้อมปราการ เราไม่มีวันพ่ายแพ้ แต่ถ้าบุ่มบ่ามออกไป ย่อมต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่”
หลู่ฉือไม่พอใจหม่าถิงอวิ๋นมานานแล้ว
ครั้นได้ยินแบบนี้อีกก็ระเบิดความโกรธออกมา “ท่านแม่ทัพหม่า! ยามปกติท่านเสริมกำลังใจผู้อื่น ทำลายขวัญกองทัพตนเอง ข้ายังปล่อยผ่านได้!”
“แต่บัดนี้เจ้าคนสารเลวฉินเฟิงขุดร่างทหารเป่ยตี๋ที่สิ้นชีพในสงครามมาวางถึงตรงหน้า ถ้ายังไม่คิดแย่งชิงกลับมา เราจะปลอบประโลมดวงวิญญาณทหารกล้าเหล่านั้นได้อย่างไร?”
“เหล่าทหารเราบนกำแพงเมืองล้วนเห็นกันหมด หากเราเอาแต่หลบซ่อนอยู่ในกำแพงเมือง เฝ้ามองอย่างเฉยเมย จะไม่เป็นการทำลายขวัญกำลังใจของเหล่าทหารหรอกหรือ?”
หม่าถิงอวิ๋นย่อมรู้ดี กลอุบายต่ำช้าของฉินเฟิงส่งผลกระทบอย่างมากต่อขวัญกำลังใจของเหล่าทหารเป่ยตี๋
ในฐานะแม่ทัพจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษาขวัญกำลังใจของทหารเอาไว้
แต่การออกไปอย่างไม่ระมัดระวังเป็นวิธีที่แย่ที่สุด
ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ หม่าถิงอวิ๋นก็ตัดสินใจ เขาหันกลับไปตะโกนเสียงดัง “ทุกคนจงฟัง เรื่องนอกเมืองอย่าได้นำมาพูดเป็นอันขาด”
“ผู้ใดกล้าบั่นทอนขวัญกำลังใจพี่น้อง รับโทษประหารทันที!”
เดิมเหล่าแม่ทัพก็คิดว่าหม่าถิงอวิ๋นขี้ขลาดตาขาว รู้แต่จะหลบซ่อน ไม่สมกับการเป็นแม่ทัพ ยามนี้ได้ฟังคำสั่งของเขาก็ยิ่งคิดเหยียดหยาม
กระทั่งเห็นศพของทหารที่เสียสละชีวิตเพื่อแคว้นเป่ยตี๋ถูกขุดขึ้นมา หม่าถิงอวิ๋นก็ยังไม่คิดโจมตีกลับ สร้างขวัญกำลังใจ กลับคิดแต่จะหลบซ่อน ทั้งยังกดดันทหารอีก
เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้ว หม่าถิงอวิ๋นช่างทำตัวน่าอับอายนัก
หลู่ฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาชูแขนขึ้น ตะโกนลั่น “ผู้ใดเต็มใจออกไปกับข้าก็ตามมา!”
หลู่ฉือเดินฉับ ๆ มุ่งหน้าไปยังเชิงกำแพงเมือง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ