บทที่ 766 เสียงฝีเท้าม้าในแดนเหนือ
แม้เหล่าทหารเพิ่งผ่านการรบอันดุเดือดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ขวัญกำลังใจกลับไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เมื่อได้กลับมารวมกับกองทัพใหญ่ของหนิงหู่ ทุกคนยิ่งฮึกเหิมและพร้อมที่จะกลับไปล้างแค้น
เมื่อครู่ที่ถูกกองพลหมาป่าเหมันต์ไล่ล่าช่างอัปยศนัก ทหารแห่งเป่ยซีเคยอับอายถึงเพียงนี้เมื่อไหร่กัน?
ขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อน ฉินเฟิงก็ถูกจิ่งเชียนอิ่งฉุดกระชากลงจากหลังม้า เขาคิดว่าจะต้องโดนด่าทอ แต่กลับผิดคาด
จิ่งเชียนอิ่งเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ “เฟิงเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอย่างไร? เจ้าฆ่าเฉินโหมวหรือ?”
ฉินเฟิงสลัดท่าทีสลดเมื่อครู่ทิ้ง แล้วยืดอกขึ้น “แค่เฉินโหมวคนเดียวจะเอามาใส่ใจทำไม?”
จิ่งเชียนอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะเอามาใส่ใจทำไม? เฉินโหมวเป็นญาติกับเฉินซือ แม้ไม่เก่งกาจเท่าเฉินซือ แต่ก็เป็นแม่ทัพเสือที่ทั้งเป่ยตี๋ยอมรับ เจ้าฆ่าเขา ต่อไปเมื่อข้ากลับสู่ราชวงศ์เป่ยตี๋ก็จะไม่มีคนให้ใช้งานแล้ว”
เห็นจิ่งเชียนอิ่งคิดไกลถึงเพียงนั้น ฉินเฟิงอดหัวเราะไม่ได้
“เชียนอิ่ง ข้าขอแนะนำให้เจ้าสนใจเรื่องตรงหน้าก่อน เรื่องกลับสู่ราชวงศ์ แม้ข้าจะช่วยเจ้าให้สำเร็จแน่ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร แต่ตอนนี้ยังห่างไกลนัก อย่าว่าแต่เฉินโหมวเลย ถ้ามีโอกาส แม้แต่เฉินซือข้าก็จะลงมือ”
“พวกแม่ทัพเป่ยตี๋ล้วนจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เป่ยตี๋ ถ้าไม่ทำลายพวกเขา ข้ากล้ารับรองว่า พรรคสนับสนุนราชวงศ์อันชอบธรรมของเป่ยตี๋ที่พวกเราทุ่มเทสร้างจะต้องถูกโจมตี และอาจถูกกวาดล้างได้ทุกเมื่อ”
“เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ กองพลหมาป่าเหมันต์เก่งกาจเพียงใด? ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินโหมวไม่คาดคิดว่าข้าจะนำทัพไล่ล่าด้วยตัวเอง การจะฆ่าเขาได้คงเป็นเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น”
แม้แต่ฉินเฟิงก็ต้องยอมรับว่า เฉินโหมวเชี่ยวชาญในการใช้กลยุทธ์นัก เขาเองก็พ่ายแพ้ให้กับเฉินโหมวหลายต่อหลายครั้ง
ถ้าไม่พูดถึงยุทธศาสตร์ พูดถึงแค่ยุทธวิธี ฉินเฟิงยังเอาชนะเฉินโหมวไม่ได้ด้วยซ้ำ
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินเฟิง จิ่งเชียนอิ่งเงียบไป อารมณ์ความรู้สึกซับซ้อน นางไม่อยากให้ฉินเฟิงสังหารแม่ทัพผู้เก่งกาจของเป่ยตี๋ แต่หากไม่สังหาร นางจะฟื้นฟูราชวงศ์ที่ชอบธรรมไม่ได้
ฉินเฟิงมองทะลุความคิดของจิ่งเชียนอิ่งจึงปลอบโยนเบา ๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าไม่สนใจบัลลังก์แม้แต่น้อย”
จิ่งเชียนอิ่งส่ายหน้า “เหตุใดหรือ?”
ฉินเฟิงพูดตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม “เพราะแค่สนใจบัลลังก์ แม้ยังไม่ได้ขึ้นครองก็ต้องสูญเสียความเป็นมนุษย์แล้ว”
“มีคำกล่าวว่า ต้องยอมเสียสละจึงจะได้มา การเป็นฮ่องเต้ได้อำนาจสูงสุด ก็ต้องเสียสละความรู้สึกส่วนใหญ่ไป”
“คนดีมักถูกรังแก ม้าดีมักถูกขี่ ฮ่องเต้ก็เช่นกัน”
จิ่งเชียนอิ่งเข้าใจแล้ว ฉินเฟิงกำลังเตือนนางว่า หากไม่โหดเหี้ยมพอก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมายยิ่งใหญ่ได้ นางนึกถึงเฉินซือกับเฉินโหมวว่าเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ แต่ในสายตาของคนเช่นเฉินซือกับเฉินโหมว นางเป็นเพียงกบฏที่ต้องถูกประหารชีวิต
ต้องปราบปรามก่อนแล้วค่อยใช้งาน หากก้าวแรกยังก้าวไม่ออก จะพูดถึงการฟื้นฟูราชวงศ์ที่ชอบธรรมได้อย่างไร
จิ่งเชียนอิ่งสูดลมหายใจ แล้วพยักหน้าหนักแน่น “ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่…กองพลหมาป่าเหมันต์เก่งกาจ และนอกจากกองพลหมาป่าเหมันต์ยังมีกองพลพญาอินทรีที่แข็งแกร่งกว่า”
“และนอกเหนือจากสองกองพลใหญ่ทั้งสอง เป่ยตี๋ก็ยังมีกองทัพนับไม่ถ้วน เพียงแค่หลู่ฉือกับหลี่โฉว คนไร้ค่าสองคนจะช่วยข้าครองแผ่นดินได้อย่างไร?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ