บทที่ 768 ฟ้าสาง
ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มเป็นสีขาวนวล ด่านเยี่ยนหนานที่เคยมืดสนิทเริ่มมองเห็นได้ไกลถึงพันก้าวแล้ว
เมื่อทัศนวิสัยดีขึ้น ทหารราบก็ค่อย ๆ ได้เปรียบ เมื่อเผชิญกับการโจมตีของทหารม้า พวกเขายิงธนูตอบโต้แม่นยำขึ้นเรื่อย ๆ
พอกองพลหมาป่าเหมันต์บุกเข้ามา ทหารม้าเบาเป่ยซีจะสกัดกั้น แล้วพลธนูทหารราบก็จะยิงธนูมาจากด้านหลัง ทหารม้าของกองพลหมาป่าเหมันต์ตกตายนับสิบคน การสูญเสียเช่นนี้ต่อให้เป็นกองทหารม้าที่เก่งกาจที่สุดก็ทนไม่ไหว
เดิมหนิงหู่อยากรีบถอยทัพ ทว่าพอฟ้าสางจิตใจก็ค่อย ๆ สงบลง กลับกลายเป็นเฉินหลี่ที่ต้องขมวดคิ้วแน่น
ทหารส่งสารรายงานสถานการณ์การบาดเจ็บล้มตายของกองทัพ
“ท่านแม่ทัพ กองทัพของเราสูญเสียไปกว่าห้าร้อยคนแล้ว! ทหารกองโจมตีเสียชีวิตหนึ่งคน ทหารแนวป้องกันเสียชีวิตสองคน…”
พอได้ยินข่าวร้ายที่ส่งมาไม่หยุด ก่อนที่เฉินหลี่จะตอบสนอง นายพลข้าง ๆ ก็ทนไม่ไหว เสนอให้ถอยด้วยความร้อนใจ
“ท่านแม่ทัพ รีบถอยเถิด ถ้าไม่ถอยตอนนี้จะไม่ทันการณ์”
“ข้ารู้ว่าท่านเสียใจกับการตายของผู้บัญชาการเฉินโหมว แต่แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย ไยต้องห่ำหั่นให้ตายไปข้างกับฉินเฟิงในคราวเดียว?”
“กองทัพเรามีกำลังพลมาก ถ้าสู้ไปถอยไปยังสามารถกลับค่ายใหญ่ได้ แต่ถ้ายังรั้งรอ ทหารจะยิ่งเหนื่อยล้า ถึงตอนนั้นจะทิ้งระยะห่างจากกองกำลังไล่ล่าไม่ได้ ผลที่ตามมาไม่อาจคาดเดา”
เฉินหลี่หน้าตึง สีหน้าเขียวคล้ำ เขาแค้นใจนัก ฟ้าดินขช่างไม่เข้าข้าง หากฟ้ายังมืดอีกสักหนึ่งชั่วยาม เขาคงโค่นหนิงหู่ได้ ทว่า…ฟ้าสางเสียแล้ว
หลังต้องสูญเสียอย่างหนัก สุดท้ายก็ต้องถอนทัพอย่างสิ้นหวัง ไม่เพียงดวงวิญญาณของเฉินโหมวจะไม่อาจหลับตาพักผ่อนอย่างสงบ แม้แต่เฉินหลี่ก็ยากจะชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชา
ขณะที่เฉินหลี่ลังเล ไม่รู้ควรจะเดินหน้าต่อหรือถอนทัพ จู่ ๆ ก็มีข่าวส่งมาจากด้านหลัง
“ท่านแม่ทัพ เฝิงเชินนำกองกำลังเสริมมาถึงแล้ว”
เฉินหลี่ดีใจนัก เขาไม่ลังเลใจอีกแล้ว เมินเฉยต่อคำแนะนำให้ถอยทัพของนายพล จ้องมองสนามรบที่อยู่ไม่ไกลแล้วตะโกนก้อง “กำลังเสริมมาถึงแล้ว รวมพลังโจมตี ทำลายกองทัพศัตรูให้สิ้นซาก!”
เมื่อกองทัพของเฝิงเชินเข้าร่วม สถานการณ์ในสนามรบก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่แข็งแกร่งและมีกำลังพลมากกว่าหลายเท่า หนิงหู่ไม่อาจต้านทาน
แต่สวีโม่ก็นำกองทัพมาถึงแล้วเช่นกัน เขาไม่ได้รีบร้อนเข้าร่วม แต่รวบรวมข้อมูลจากหน่วยสอดแนมและทหารส่งสาร ประเมินสถานการณ์ในสนามรบ แล้วจึงนำกองกำลังเสริมอ้อมไปทางทิศตะวันตก
สวีโม่สั่งการทหารให้เคลื่อนทัพเงียบเชียบ ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในที่ต่ำ รอจนแน่ใจว่ากองทัพของเฝิงเชินเข้าร่วมสนามรบจึงนำกองกำลังทั้งหมดตัดเส้นทางถอยของศัตรู โอบล้อมจากด้านหลัง
ครั้นฉินเฟิงได้รับข่าวว่าสวีโม่ตัดเส้นทางถอยของศัตรูแล้วก็ไม่ลังเลอีก เขาสั่งการ “ทหารทุกคนจงฟัง เข้าร่วมการต่อสู้ โจมตีศัตรูหนักหน่วง!”
กองทหารม้าที่ฉินเฟิงนำฟื้นฟูกำลังเต็มที่แล้ว พอได้จังหวะก็บุกเข้าสนามรบ แนวหน้า กองทัพของเฉินหลี่และเฝิงเชินถูกกองทัพของหนิงหู่ล้อมตรึงกำลัง แล้วฉินเฟิงกับสวีโม่ก็โจมตีขนาบจากด้านหน้าและด้านหลัง
แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีกำลังทหารใกล้เคียง แต่กองทัพของเฉินหลี่ต้องเผชิญกับการโจมตีสองทาง สุดท้ายก็สูญเสียความได้เปรียบไป
ไม่ต้องพูดถึงทหารที่เฝิงเชินนำทัพมา กระทั่งกองพลหมาป่าเหมันต์ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังชั้นยอดของเป่ยตี๋ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ก็เริ่มอ่อนแรงลง
อัตราการเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เฉินหลี่หวั่นใจ แต่จะถอยทัพก็สายเกินไปแล้ว จำต้องฝืนใจ กัดฟันสู้
แสงสาดส่องทั่วแผ่นดิน ราตรีสิ้นสุด การต่อสู้ก็ใกล้จะจบลงเช่นกัน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ