บทที่ 775 ล่าสัตว์ทางตะวันออกและการรักษาการณ์แทน
กล่าวให้ถึงที่สุด องค์ชายเจ็ดยังเด็กเกินไป แม้มีความเด็ดขาดของคนหนุ่มสาวและความอดทนที่ขัดเกลามาหลายปี แต่เขาขาดประสบการณ์ หลายครั้งที่เขาคิดว่า เขาตัดสินใจอย่างชาญฉลาด แต่กลับนำหายนะที่คาดไม่ถึงมาหาตัว
ฮ่องเต้ต้าเหลียงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะไม่ส่งมอบบัลลังก์ให้องค์ชายเจ็ด แต่การจะปราบปรามก็ร้ายแรงเกินไป ยังมีวิธีที่ยืดหยุ่นกว่า
เขาผลักเปิดประตูห้องทรงพระอักษร มองทหารรักษาพระราชวังและหลี่ยงที่กำลังสนทนากับอู๋ฉืออยู่ไม่ไกลนัก ฮ่องเต้ต้าเหลียงหลับตาลง แล้วโบกมือเรียก “องค์ชายเจ็ด เจ้ามานี่”
หลี่ยงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เดินตรงมาเบื้องหน้าฮ่องเต้ต้าเหลียง แล้วประสานมือ ก้มศีรษะแสดงความเคารพ
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ไม่ทราบว่าฝ่าบาทสนทนากับมหาเสนาฉินเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้ต้าเหลียงทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วสั่งการว่า “อีกครึ่งเดือนเจิ้นจะจัดงานล่าสัตว์ทางตะวันออก เจิ้นไม่อยู่ ระหว่างนี้เจ้าจงรักษาการณ์แทนเจิ้น”
การล่าสัตว์ทางตะวันออกเป็นกิจกรรมพิเศษของราชวงศ์แคว้นต้าเหลียง ปกติจะจัดปีละครั้ง แต่หลังจากฮ่องเต้ต้าเหลียงขึ้นครองบัลลังก์ก็ได้ยกเลิกการล่าสัตว์ทางตะวันออกไป เพราะสิ้นเปลืองแรงงานและทรัพยากร ที่สำคัญคือเสียเวลา
การรื้อฟื้นงานล่าสัตว์ทางตะวันออกคราวนี้เป็นการให้โอกาสหลี่ยง เพื่อดูว่าพอเขาได้ครอบครองอำนาจแล้ว จะมีความสามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้มั่นคงหรือไม่
การล่าสัตว์ทางตะวันออกมีกำหนดสามเดือน ช่วงเวลาสามเดือนที่เขาไม่อยู่ หากหลี่ยงยึดเจียงหนาน ทำลายตระกูลหลินได้ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ
ถึงเวลานั้น การล่าสัตว์ทางทิศตะวันออกของฮ่องเต้ต้าเหลียงก็จะกลายเป็นการย้ายไปอยู่ทางทิศตะวันออกในฐานะไท่ซ่างหวง*[1] ประจำอยู่ที่ดินแดนบรรพชน
แต่ถ้าองค์ชายเจ็ดไม่อาจผ่านการทดสอบ ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็จะเสด็จกลับเมืองหลวง และกุมอำนาจดังเดิม
เป้าหมายของหลี่ยงคือบัลลังก์ แต่เมื่อมองฉินเทียนหู่ที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ต้าเหลียง หลี่ยงก็รู้แล้ว ตราบใดตระกูลฉินยังภักดีต่อฮ่องเต้ต้าเหลียง เขาไม่อาจใช้กำลังบีบบังคับราชสำนัก
แม้สามารถควบคุมวังหลวงได้ชั่วคราว แต่ไม่กี่วันก็จะถูกกองทัพปราบกบฏสังหาร
แม้การรักษาการณ์แทนจะห่างไกลจากเป้าหมาย แต่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้
แล้วเขาก็อยากท้าทายตัวเองเช่นกัน เขาอยากรู้ว่าการซุ่มฝนเขี้ยวเล็บมาหลายปีมีประโยชน์เพียงใด เขาจะทำหน้าที่แทนฮ่องเต้ต้าเหลียงได้หรือไม่!
“ขอการเสด็จประพาสทางตะวันออกของฝ่าบาทเป็นไปด้วยดี ทางนี้กระหม่อมจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อแคว้นต้าเหลียงพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ต้าเหลียงมองหลี่ยงอย่างลึกซึ้ง ไม่กล่าวคำใดอีก ก่อนจะหันกลับเข้าห้องทรงพระอักษรไปเงียบ ๆ
อู๋ฉือสั่งสลายตัวทหารรักษาพระราชวัง การเผชิญหน้าคราวนี้จบลงด้วยความสำเร็จเล็ก ๆ ของหลี่ยง ด้วยฮ่องเต้ต้าเหลียงถอยให้อย่างมีชั้นเชิง
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ฉินเทียนหู่ก็พาจ้าวอวี้หลงกลับ แต่ยังไม่ทันไปไหนไกลก็ถูกหลี่ยงขวางไว้
“มหาเสนาฉิน เรื่องการโจมตีตระกูลหลินแห่งเจียงหนาน กรมกลาโหมและกรมคลังยังไม่อาจดำเนินการได้อย่างราบรื่น ตอนนี้ข้ารักษาการณ์แทนฝ่าบาท ดูแลราชกิจราชสำนักแทน การปราบกบฏตระกูลหลินต้องยกขึ้นเป็นวาระการประชุมเร่งด่วน จากนี้คงต้องรบกวนตระกูลฉินให้ช่วยทุ่มเทความสามารถแล้ว”
ความหมายของคำพูดหลี่ยงชัดเจนนัก การโจมตีตระกูลหลิน ตระกูลฉินส่งต้องกำลังพลมาช่วย เป็นกลยุทธ์ขับไล่เสือกลืนหมาป่า
หลี่ยงไม่รู้เลยว่า กลยุทธ์นี้ฮ่องเต้ต้าเหลียงใช้บ่อยจนเบื่อแล้ว
ฉินเทียนหู่ค้อมกายเล็กน้อยเป็นการคำนับ “องค์ชาย การปราบปรามตระกูลหลินแห่งเจียงหนานต้องให้ขุนนางปรึกษาหารือกันก่อนแล้วจึงตัดสิน แม้ข้าจะเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมควบตำแหน่งมหาเสนา แต่เป็นเพียงขุนนาง เรื่องภายในตระกูล ข้าได้มอบอำนาจไปนานแล้ว เรื่องนี้ขอฝ่าบาทปรึกษากับบุตรชายของข้าเถิด”
หลี่ยงไม่พอใจ “อะไรกัน ตระกูลฉินไม่ได้อ้างว่าจงรักภักดีหรอกหรือ? ข้าตั้งใจจะให้ตระกูลฉินสร้างผลงาน แต่มหาเสนกลับบอกปัด ช่างเสแสร้งแกล้งทำนัก”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ