บทที่ 776 เมืองอวี่แห่งเป่ยตี๋
ในสายตาของหนิงหู่ หลี่ยงฉลาดปราดเปรื่อง เขาร้อนรนเช่นนี้ ช่างผิดวิสัย
แม้หนิงหู่จะไม่เข้าใจเรื่องการเมือง แต่ก็เข้าใจหลักการหนึ่ง หลายสิ่งมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ฮ่องเต้ต้าเหลียงเสด็จประพาสทางตะวันออก หลี่ยงได้ขึ้นรักษาราชการแทน ในช่วงเวลานี้ หากเขาส่งมอบคำตอบที่น่าพอใจก็จะได้สืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ต้าเหลียง หาไม่ก็ต้องสูญเสียคุณสมบัติและโอกาสในการสืบทอดบัลลังก์อย่างสิ้นเชิง
หากเดิมทีหลี่ยงไม่ใช้กำลังทหารบีบบังคับราชสำนัก ไม่ช้าก็เร็วแคว้นต้าเหลียงย่อมเป็นของเขา แต่หลังเกิดเหตุวุ่นวาย อนาคตก็ไม่อาจคาดเดาแล้ว
สำหรับฉินเฟิง เขารู้สึกว่า การที่หลี่ยงรักษาราชการแทนอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว
อย่างน้อยก็ทำให้ฮ่องเต้ต้าเหลียงตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงข้อดีข้อเสียของฮ่องเต้ที่ใส่ใจเพียงการถ่วงดุลอำนาจ
ถ้าหลี่ยงสูญเสียคุณสมบัติในการสืบทอดบัลลังก์ ในอนาคตยามฮ่องเต้ต้าเหลียงแต่งตั้งรัชทายาทย่อมระมัดระวังมากขึ้น
ท่าทีฉินเฟิงตอนนี้เลยผ่อนคลายมาก หนิงหู่เห็นจึงถามขึ้นว่า “พี่ฉิน เจ้าไม่กังวลหรือ?”
ฉินเฟิงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “มีอะไรให้กังวล? เมืองหลวงมีบิดาของข้ากับจ้าวอวี้หลงคอยดูแล ชายแดนเหนือห่างไกล หลี่ยงไม่อาจยื่นมือถึง ถ้าเขาอยากถอดยศถอนตำแหน่งตระกูลฉินก็ปล่อยให้เขาทำ เกียรติยศของตระกูลฉินหาได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งยศถาแล้ว”
“ถ้าหลี่ยงต้องการให้ตระกูลฉินทุ่มเทกำลังจัดการตระกูลหลินแห่งเจียงหนาน ข้าก็ต้องขออภัยด้วย แม่ทัพอยู่นอกเมือง ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของฮ่องเต้”
เดิมทีหนิงหู่กังวล แต่พอเห็นฉินเฟิงมั่นใจ เขาก็เบาใจลงหลายส่วน
ตอนนั้นเองเสียงของคนขับรถม้าดังมาจากด้านนอก “ใต้เท้า ด้านหน้าคือเมืองอวี่ ผ่านเมืองอวี่ไปก็เป็นชานเมืองของเมืองหลวงเป่ยตี๋แล้วขอรับ”
ได้ยินคำแบบนี้ ฉินเฟิงที่เอกเขนกเฉื่อยชาก็ฮึกเหิมขึ้นมา
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตนี้ก็คือการเดินทาง ในยุคสมัยที่การคมนาคมยังไม่พัฒนา ระยะทางเพียงไม่กี่สิบลี้สำหรับชาวบ้านก็เหมือนเหวลึกที่ยากจะข้ามได้
หลังการเดินโคลงเคลงมาสิบวัน ในที่สุดก็ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง แล้วจะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
ถ้าเป็นเช่นนี้ อีกสามสี่วันก็จะถึงเมืองหลวงของเป่ยตี๋แล้ว
ฉินเฟิงยื่นศีรษะออกนอกไปหน้าต่าง สำรวจเมืองอวี่ แล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ สมกับเป็นเมืองประตูสู่เมืองหลวงเป่ยตี๋จริง ๆ แค่ขนาดก็แตกต่างจากเมืองอื่นแล้ว เทียบกับอำเภอรอบเมืองหลวงต้าเหลียงไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
เดิมทีฉินเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะภารกิจทูตปลอบขวัญล่าช้าไปมากแล้ว จำเป็นต้องรีบเข้าเมืองหลวงเป่ยตี๋โดยเร็ว
แต่หนิงหู่กลับพูดขึ้นกะทันหันว่า “เมืองอวี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอันดับหนึ่งแห่งความสง่างามของเป่ยตี๋ ข้าได้ยินมาว่า บรรดาคนมีชื่อเสียงและสาวงามของเป่ยตี๋ ส่วนใหญ่ล้วนอาศัยอยู่ในเมืองอวี่ ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการผลิตหญิงงามด้วย”
อะไร? แหล่งผลิตหญิงงาม?
ฉินเฟิงพลันสนใจ แม้สตรีรอบกายเขาจะงามหยดย้อย แต่บุรุษไม่เคยรู้จักคำว่าพอ
ก่อนหน้านี้เขาอยู่เมืองหลวงต้าเหลียง อยากจะไป ‘เที่ยวชม’ ทะเลสาบแสงจันทร์อยู่หลายครา แต่ก็เสี่ยงถูกทุบตี
ยุคสมัยที่ไม่มีอะไรให้เพลิดเพลินมากนัก เขาย่อมต้องหาความสนุกเสียบ้างไม่ใช่หรือ?
บัดนี้ไม่มีสตรีอยู่ข้างกาย จิ่งเชียนอิ่งก็พักอยู่ที่ซางโจวเพราะสถานะพิเศษ ไม่ได้ติดตาม มาด้วย
รอให้ฉินเฟิงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยค่อยส่งคนไปรับนาง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ