บทที่ 777 องค์หญิงจิ่งฉือ
หากฉินเฟิงเพียงเชี่ยวชาญด้านการทหารคงไม่เป็นไร นับแต่โบราณ คนหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นในสนามรบมีอยู่ไม่น้อย
แต่ฉินเฟิงไม่เพียงเชี่ยวชาญด้านการทหาร ด้านการค้าและการเมืองที่ต้องอาศัยความสามารถและประสบการณ์เขาก็เก่งกาจอย่างยากจะมีผู้ใดเทียบ
ชาวเป่ยตี๋เกือบทั้งหมดที่ไม่เคยพบฉินเฟิงจึงคิดว่า อย่างน้อยเขาก็ต้องอายุสี่สิบห้าสิบปี
ส่วนบิดาของฉินเฟิง ฉินเทียนหู่ ในฐานะเสนาบดีกรมกลาโหมแคว้นต้าเหลียงควบตำแหน่งมหาเสนาก็คงจะมีอายุราวหกสิบถึงเจ็ดสิบปี จึงสมเหตุสมผลที่ฉินเฟิงจะเป็นชายวัยกลางคน
ยามนี้ทุกคนเลยประหลาดใจ ด้วยชายผู้มีชื่อเสียงเล่าลือไปทั้งใต้หล้า อำนาจทางการเมืองสามารถพลิกต้าเหลียงได้ และอำนาจทางการทหารก็พิชิตเป่ยตี๋ได้ กลับเป็นชายหนุ่มที่มีอายุใกล้เคียงกับพวกเขา
ยังเยาว์เพียงนี้กลับสร้างความสำเร็จมากมาย ไม่รู้ว่าควรเกลียดชังหรือเทิดทูนดี
ฉินเฟิงยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนรถ แย้มยิ้มพลางมองบรรดาคนหนุ่มสาวที่มีสีหน้าซับซ้อนตรงหน้า “ถ้าข้าไม่ได้ยินผิด เมื่อครู่พวกเจ้ากำลังด่าข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
“ฮ่า ๆ เป่ยตี๋เน้นหนักทางการทหารแต่ละเลยด้านวรรณกรรม แคว้นเลยขาดรากฐานวัฒนธรรม แม้แต่การด่าก็ยังทำไม่เป็น…ถ้าพวกเจ้าไม่รังเกียจ ให้ข้าสอนดีหรือไม่? รับรองว่าด่าได้ทั้งวันทั้งคืนไม่ซ้ำคำ”
“อีกอย่าง เดิมทีข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาในเมืองอวี่ แต่เมื่อพวกเจ้ามีน้ำใจเช่นนี้ ข้าย่อมต้องแวะเที่ยวชม สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอันดับหนึ่งแห่งเป่ยตี๋มีรากฐานอันใดกันแน่ ก็ดีเหมือนกัน บัณทิตแคว้นต้าเหลียงอย่างข้าจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
ได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวที่เป็นหัวหน้าขบวนก็หน้าขึ้นสี แววตาเผยความละอายใจ
ไม่ใช่เพราะด่าทอฉินเฟิงก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพราะ… เมืองอันดับหนึ่งแห่งเป่ยตี๋ที่ว่า ยังต้องดูว่าเปรียบเทียบกับผู้ใด
ฉินเฟิงที่อยู่เบื้องหน้ามีชื่อเสียงเลืองลือ
บทกวีออกด่านดังไกลถึงต่างแคว้น แม้แต่บรรดาบัณฑิตเป่ยตี๋ก็ยังนำมาขับขาน
ถ้าฉินเฟิงเข้าสู่เมืองอวี่ นำเอาวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองอันดับหนึ่งแห่งเป่ยตี๋ไปเสริมแต่ง ขับขานเป็นบทกวีในต้าเหลียง ไม่ใช่จะทำให้เป่ยตี๋เสียหน้าหรอกหรือ?
วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ห้ามฉินเฟิงเข้าเมืองอวี่เด็ดขาด
สตรีชุดขาวอย่างบุรุษยืดอกพลางเอ่ยวาจาคมคาย “ข้าบอกว่าท่านไม่มีสิทธิ์เข้าเมืองอวี่ ล้มเลิกความคิดเสียเถิด”
ฉินเฟิงพินิจมองสตรีตรงหน้าด้วยความสนใจ “สตรีผู้นี้เป็นบุตรีของเจ้าเมืองอวี่หรือ? วาจาสูงส่งนัก แต่…ถ้าข้าจะเข้าไปให้ได้เล่า?”
หญิงสาวแค่นเสียงเบา “ฮึ เจ้าไม่กลัวว่าจะเข้าไปได้แต่กลับออกมาไม่ได้หรือ?”
ได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงฉินเฟิง แม้แต่หนิงหู่ที่อยู่ข้างกาย รวมถึงเหล่าทหารที่ติดตามมาก็หัวเราะลั่น
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบด้าน แก้มของสตรีผู้สูงศักดิ์แดงเรื่อ นางไม่เข้าใจว่าพวกเขาหัวเราะอะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน พวกเขาไม่มีเจตนาดี!
หนิงหู่มองหญิงสาวด้วยความขบขัน “คุณหนูน้อย ข้าบอกว่าเจ้าอ้วน เจ้าก็หอบ*[1]แล้วหรือ?”
“ท่านโหวฉินเป็นทูตสันติภาพที่แคว้นต้าเหลียงส่งมาเพื่อปลอบประโลมและเจรจากับฮ่องเต้เป่ยตี๋ นับเป็นแขกผู้มีเกียรติของเป่ยตี๋ ตามหลักกฎหมายและสถานะแล้ว พวกเจ้าต้องให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ นอกจากนี้ทหารที่ติดตามท่านโหวฉินมาก็มีหนึ่งพันคนพอดี”
“หากขุนนางเมืองอวี่ไร้มารยาท คิดกักตัวคนหนึ่งพันคน ก็เท่ากับคิดจะทำสงครามใหญ่กระมัง?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของหญิงสาวแดงก่ำ หากฉินเฟิงจะเข้าเมืองอวี่ อย่างไรนางก็ห้ามไม่ได้ แต่อย่างน้อยก่อนฉินเฟิงจะเข้าเมือง ต้องเตรียมการให้พร้อมเสียก่อน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ