เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 781

บทที่ 781 เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า?

บัณฑิตชุดเขียวไม่เชื่อว่าฉินเฟิงจะเป็นเทพวรรณกรรมมาจุติ ร่ายบทกวีออกมาได้ทันที

“ใกล้จะฤดูหนาวแล้ว ถึงเวลานั้นอากาศจะหนาวเหน็บ ผู้คนต่างหวังให้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าอากาศอบอุ่น หากท่านใช้หัวข้อ ‘ฝนฤดูใบไม้ผลิ’ แต่งบทกวีขึ้นมาได้ ข้าจะยอมรับในความสามารถ”

“ด้วยความรู้ความสามารถของท่านฉิน คงไม่ต้องใช้เวลานาน สักหนึ่งธูปพอหรือไม่?”

บัณฑิตชุดเขียวยิ้มเยาะ เมื่อครู่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ฉินเฟิงมีความสามารถ แต่การแต่งบทกวีเกี่ยวกับหิมะทำให้ความคิดของฉินเฟิงอยู่ที่เรื่องนั้น หากต้องแต่งบทกวีด้วยหัวข้ออื่นต่อ เขาจะต้องติดขัดแน่นอน

บัณฑิตชุดเขียวรู้ว่าไม่อาจทำให้ฉินเฟิงลำบากได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องกดดัน บั่นทอนความมั่นใจของฉินเฟิง พอเข้าไปในหอวรรณศิลป์ เผชิญหน้ากับบัณฑิตและสตรีที่มีความสามารถจริง ๆ เขาจะกดดันมากขึ้น

ผู้คนที่มาร่วมชมเหตุการณ์ต่างส่ายหน้า คิดว่าฉินเฟิงคงทำไม่ได้แน่

แต่ผลปรากฏว่า ฉินเฟิงกลับยักไหล่ “หนึ่งก้านธูปหรือ? บทกวีเพียงบทเดียวจำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้นด้วยหรือ?”

“ฟังให้ดี”

“ฝนใบไม้ผลิมีค่าดั่งน้ำมัน ตกลงมาไหลนองเต็มถนน บัณฑิตลื่นล้มหัวคะมำ ทำฝูงวัวหัวเราะเกรียว”

ยังคงเป็นบทกวีสั้น ๆ และเรียบง่ายที่แต่งขึ้นอย่างไม่ต้องคิดมาก ไม่มีความกดดันใด ๆ

บัณฑิตชุดเขียวสีหน้าไม่สู้ดี ชั่วขณะจึงตระหนักว่า การที่เขาโยนหัวข้อยากให้ฉินเฟิง ไม่ต่างอะไรกับการโอ้อวดฝีมือดาบต่อหน้ากวนอู

กลายเป็นเขาที่เป็นตัวตลก…

ชาวบ้านรอบข้างมองฉินเฟิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปมา แม้ในใจจะยังแค้นเคือง แต่ก็เข้าใจว่าความรู้ความสามารถของฉินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่สามัญชนจะคาดเดาได้

เสียงซุบซิบนินทาของผู้คนพลันดังระงม

“หากแต่งกลอนสั้น ๆ สักบทก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ฉินเฟิงแต่งถึงสองบทต่อเนื่อง ทั้งยังตรงตามโจทย์ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว”

“สมกับเป็นฉินเฟิง จะเอาชนะเขาก็ต้องให้เหล่าคุณชายแห่งอำเภออวี่ออกโรงแล้ว!”

“ตื่นตระหนกไปไย? ข้า…ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ตลอด ถึงจะเป็นเทพวรรณกรรมมาเกิด ก็ต้องมีวันจนหาทาง”

“พูดถูก บัณฑิตชุดเขียวไม่นับเป็นอะไร แต่บัณฑิตและหญิงงามที่รออยู่ในหอวรรณศิลป์ต่างหากคือของจริง”

ฉินเฟิงไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์รอบข้าง เพียงยิ้มตาหยีมองบัณฑิตชุดเขียว “ตอนนี้ข้าเข้าไปได้แล้วหรือยัง? หากเจ้ายังไม่พอใจ ข้าจะแต่งให้อีกสักแปดบทสิบบทก็ยังได้”

บัณฑิตชุดเขียวเดิมอัดอั้นตันใจจนอยากตาย แต่พอได้ยินคำนี้กลับหัวเราะ พลางเยาะเย้ย “ท่านฉินช่างเป็นคนคุยโวเสียจริง”

“สิบบทแปดบท? ฮ่า ๆ ผู้คนบอกท่านเป็นเทพวรรณกรรม ท่านก็คิดว่าตัวเองเป็นเทพวรรณกรรมหรือ? ถ้าท่านแต่งได้อีกสามบท ข้าจะคุกเข่าก้มหัวให้เจ้าทีเดียว”

ได้ยินคำพูดนี้ ฉินเฟิงก็หัวเราะออกมา “เจ้าพูดเองนะ”

ภายใต้สายตาใคร่รู้ของผู้คน ฉินเฟิงค่อย ๆ หมุนตัว มองรอบข้าง สีหน้าสงบนิ่ง

“ข้าได้ยินมาว่า เป่ยตี๋ทำอาหารจานเนื้อได้เป็นเลิศ? เช่นนั้นข้าจะแต่งบทกวีโดยใช้เนื้อเป็นหัวข้อ”

“ไร้ไผ่ทำให้คนเศร้าหมอง ไร้เนื้อทำให้ผอมแห้ง หากไม่หม่นหมองและไม่ผอม ก็ต้องกินหน่อไม้ตุ๋นหมู”

‘หน่อไม้ตุ๋นเนื้อหมู’ เป็นผลงานของหนึ่งในแปดปราชญ์สมัยราชวงศ์ถังและซ่ง ซูตงพอ

พอเห็นฉินเฟิงร่ายบทกวีอีกบทอย่างง่ายดาย ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็เริ่มอ้าปากค้าง

แต่ยังไม่จบ ฉินเฟิงหันไปชี้ที่หอวรรณศิลป์ตรงหน้า

“หมัดเดียวทุบพังหอวรรณศิลป์ เท้าเดียวถีบล้มแคว้นเป่ยตี๋ ทิวทัศน์ตรงหน้าพรรณนาไม่ได้ ท่านโหวฉินจารึกบทกวีไว้เบื้องบน”

บทที่ 781 เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า? 1

บทที่ 781 เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า? 2

บทที่ 781 เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า? 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ