บทที่ 784 เต็มไปด้วยความรู้ความสามารถ ผู้คนตกตะลึง
ฉินเฟิงโบกมือเบา ๆ ท่าทางองอาจ ก่อนจะเริ่มร่ายกวีสารทฤดู “สารทฤดูโบตั๋นลาความงาม”
“กล้วยไม้สารทฤดูต่างเครื่องประดับ”
“เย็นย่ำสารทฤดูเบจมาศร่วงหล่น”
“ลานชิงช้าสารฤดูเงียบเหงา”
“สายธารยาวราวสารฤดูไม่สิ้น”
“ทะเลสาบส่องเงาจันทร์ส่งสารทฤดูงาม”
“สายฝนพรำฉ่ำชื่นนาน สารทฤดู”
หลิวจวี่เหรินขาอ่อน ทั้งร่างทรุดลงกับพื้น จ้องมองฉินเฟิงอย่างเหม่อลอย เขาตระหนักว่า การที่ไปท้าประลองกับฉินเฟิงช่างเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา
ไม่ใช่แค่การโอ้อวดฝีมือต่อหน้ากวนอู แต่เป็นดั่งหิ่งห้อยตัวจ้อยพยายามแข่งแสงกับดวงจันทร์!
โง่เขลาแล้วยังไร้เดียงสาด้วย
บรรดาบัณฑิตเป่ยตี๋ราวกับกำลังฝันไป สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ชื่นชม และประทับใจ เพียงแค่ความรอบรู้ของฉินเฟิง เกรงว่าผู้ใดคิดท้าประลองด้ารการกวีและวรรณกรรมก็ไม่ต่างจากตั๊กแตนขวางล้อเกวียนแล้ว
แม้แต่พวกหญิงงามทั้งหลายที่หลงใหลในรูปโฉมหลิวจวี่เหรินก็ยังพูดไม่ออก พวกนางมองหลิวจวี่เหรินที่ทรุดอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ แล้วหันมองฉินเฟิงที่ยืนอย่างสบาย ๆ
ชั่วขณะ ราวกับเข้าใจแล้วว่าคำพูดของตนเองก่อนหน้านี้ช่างน่าขันเพียงใด
ตาบอดนัก นอกจากหลิวจวี่เหรินหน้าตาขาวสะอาด เขายังมีอะไรเทียบฉินเฟิงได้อีก?
ฉินเฟิงที่บัญชาการรบมานาน ถูกลมแดดลมฝนพัดจนผิวหยาบกร้าน แต่รูปโฉมเขาก็ยังเปล่งประกายองอาจสมบุรุษหนุ่ม เพียงได้พักผ่อนสักระยะ ก็คงฟื้นคืนใบหน้างดงามหนุ่มหน้าหยกมากพรสวรรค์
เหล่าสตรีหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะเดิมสนับสนุนหลิวจวี่เหรินที่พ่ายแพ้ แต่เป็นเพราะพลาดเอาก้อนดินมาเป็นของล้ำค่า ไม่รู้จักหยกล้ำค่าที่แค่เปื้อนดิน
ฉินเฟิงถามขึ้นลอย ๆ “ด่านที่สองอยู่ที่ใด?”
บรรดาบัณฑิตในห้องโถงเผลอทำท่าเชิญอย่างนอบน้อม
พอรู้สึกตัวก็หน้าแดงก่ำ ด้วยฉินเฟิงเป็นศัตรูของเป่ยตี๋ พวกเขาจะยอมก้มหัวให้ได้อย่างไร?
ภายในใจขัดแย้ง ความรู้ทางวรรณกรรมของฉินเฟิงน่าเคารพ แต่ความแค้นของแผ่นดินก็ไม่อาจละเลย ได้แต่ฝืนใจยืนฝั่งตรงข้ามต่อไป
พอเดินผ่านข้างกายหลิวจวี่เหริน ฉินเฟิงก็ยกมือลูบศีรษะเขาเบา ๆ หัวเราะเแล้วกล่าวว่า “รู้จักละอายแสดงว่ายังมีทางแก้ไข การสั่งสมบทกวีและงานเขียนเป็นเรื่องดี แต่การเป็นคนไม่อาจประมาท ต่อไปอย่าได้คดโกง การกระทำไม่ซื่อจะทำร้ายตัวเจ้าเอง”
ใบหน้าของท่านหลิวจวี่เหรินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว ยิ่งรับรู้ถึงสายตาดูแคลนที่จ้องมองมาจากรอบด้านก็นึกอยากเอาหัวโขกก้อนเต้าหู้ตายนัก
ช่วงเวลาเดียวกัน ข่าวแพร่ไปถึงหอสุราฝั่งตรงข้าม
จิ่งฉือเผยอปากเล็กน้อย สายตาประหลาดใจ “หลิวหลางถึงกับแพ้ย่อยยับเชียวหรือ?”
แม้ฉีย่าจะอยากฉีกฉินเฟิงเป็นแปดชิ้นสิบชิ้น แต่ความจริงก็คือความจริง นางกระซิบเบา “องค์หญิง ไม่ใช่ว่าท่านหลิวหลางแพ้ย่อยยับ แต่เป็นเพราะเขากับฉินเฟิงไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน”
“การประลองบทกวีสี่ฤดู ฉินเฟิงโอ้อวดนัก ร่ายบทกวีรวดเร็ว แม้รวมเวลาทั้งหมดก็ยังไม่เกินหนึ่งถ้วยชาเจ้าค่ะ”
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ”
พอเห็นฉีย่ายกย่องผู้อื่นทำลายศักดิ์ศรีตัวเอง จิ่งฉือตั้งใจจะต่อว่าให้แรงสักที แต่พอคำพูดมาถึงปากก็กลืนกลับลงไป
จิ่งฉือถอนหายใจเบา ๆ “ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าฉินเฟิงมีความสามารถ แต่อย่างไรเขาก็เป็นศัตรูของเป่ยตี๋เรา!”
จิ่งฉือส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ในใจไม่ยินยอม ทำไมอัจฉริยะเช่นเขาถึงได้ไปเกิดในแคว้นต้าเหลียงเสียเล่า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ