บทที่ 786 คู่สวรรค์สร้าง
ดังคำกล่าวที่ว่า คนนอกรอดูความสนุกสนาม ผู้เชี่ยวชาญเฝ้าดูกลวิธี
บัณฑิตผู้หนึ่งที่มักรับเขียนบทกวีคู่จ้องมองป้ายบทกวีคู่พลันเปล่งเสียงชื่นชมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ประเสิรฐนัก ยอดเยี่ยมจริง ๆ คุณหนูเจิ้ง แม้เป็นสตรี แต่จิตใจห่วงใยบ้านเมืองไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษเลย”
ได้ยินเช่นนี้ผู้คนก็งุนงงและเริ่มซักถาม
“ก็แค่บทกวีคู่ เหตุใดจึงโยงไปถึงความห่วงใยบ้านเมืองได้เล่า?”
“อีกทั้งบทกวีคู่นั่นก็เป็นเพียงตัวเลข ส่วนชื่อหัวข้อกลับเป็ยทิศทาง ส่วนใดกันที่เขียนถึงความห่วงใยบ้านเมือง? เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
บัณฑิตผู้นั้นชี้ไปที่บทกวีคู่ “วรรคบน สอง สาม สี่ ห้า วรรคล่าง หก เจ็ด แปด เก้า”
“วรรคบนขาดหนึ่ง วรรคล่างขาดสิบ ความหมายนอกเหนือจากบทประพันธ์คือขาดหนึ่งน้อยสิบ”
บรรดานักบัณฑิตผู้เฉลียวฉลาดบางคนเริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง พลันพึมพำ “ขาดหนึ่งน้อยสิบ… ขาดเสื้อผ้าอาหาร?”
“หรือว่าคุณหนูเจิ้งต้องการสื่อว่า หลังสงครามเป่ยตี๋เราต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาล ทำให้ประชาชนนับหมื่นแสนขาดเสื้อผ้าอาหาร ทุกข์ทรมานแสนสาหัส?”
บัณฑิตคนเดิมพยักหน้าเบา ๆ “เป็นเช่นนั้น!”
พอเข้าใจความหมายของบทกวีคู่ บรรดาบัณฑิตและคุณชายต่างมองเจิ้งเฉี่ยวด้วยสายตาชื่นชม
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่สุดก็คือ บทกวีคู่ที่ดูเรียบง่ายที่สุดกลับแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง
ชั่วพริบตา หลายคนเกิดความสนใจในตัว ๅ‘บทกวีคู่’
ผู้คนต่างเร่งเร้าถามบัณฑิตผู้ชำนาญในการเขียนบทกวีคู่
“แล้วคำบนเล่า มีความหมายว่าอย่างไร?”
บัณฑิตเอามือไพล่หลังพลางส่ายหน้าไปมา “เข้าใจง่ายมาก ทิศเหนือและใต้ ขาดตะวันออกกับตะวันตก หมายถึง… ไม่มีอะไรเลย”
ขาดเสื้อผ้าอาหาร ไม่มีอะไรเลย…
ทุกคนตาเป็นประกาย
“คุณหนูเจิ้งใช้บทกวีคู่บอกฉินเฟิงว่า เป่ยตี้ขาดแคลนเสื้อผ้าอาหาร ไม่มีอะไรเลย เพื่อให้ฉินเฟิงเมตตาปรานี ลดหย่อนค่าปฏิกรรมสงคราม”
“คุณธรรมยิ่งใหญ่ ทำให้พวกข้าต้องละอายใจ!”
“ไม่คิดเลยว่าบทกวีคู่สั้น ๆ จะมีความลึกซึ้งถึงเพียงนี้!”
ด่านที่สามแต่เดิมไม่มีใครคาดหวัง กลับดึงดูดสายตาผู้คน
ความสนใจของเจิ้งเฉี่ยวมุ่งอยู่ที่ฉินเฟิง ฉินเฟิงแก้ปริศนาในของนางได้ง่ายดาย ความสามารถของด้านการแต่งบทกวีคู่ของเขาไม่ใช่แค่ ‘พอรู้’ อย่างเขาว่า
เจิ้งเฉี่ยวอดทึ่งไม่ได้ ใต้หล้าคงไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสำหรับฉินเฟิงจริง ๆ กระมัง?
พอรู้ว่าฉินเฟิงเชี่ยวชาญการแต่งบทกวีคู่ เจิ้งเฉี่ยวก็ยังอดใจไม่ไหว อยากจะประลองฝีมือกับเขา
ไม่ใช่เพื่อทำให้ฉินเฟิงอับอาย แต่เพราะได้พบผู้มีฝีมือจึงตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ขอท่านโหวฉินโปรดฟังวรรคบน!”
“จันทร์ใต้น้ำคือจันทร์บนฟ้า!”
คราวนี้เหล่าบัณฑิตพยายามคิดตาม ครุ่นคิดหาวรรคล่าง น่าเสียดาย พวกเขาไม่เคยฝึกฝนการแต่งบทกวีคู่ จึงทำให้สมองว่างเปล่านัก
แม้แต่พวกบัณฑิตที่เข้าใจการแต่งบทกวีคู่อยู่บ้าง ยามนี้ก็ยังเงียบกริบ คิดคำตอบไม่ออก แม้จะคิดออกก็ไม่อาจเรียกได้ว่างดงาม จึงไม่กล้าเอ่ยปาก
สายตาทั้งหมดจึงพุ่งตรงมาที่ฉินเฟิง
เจิ้งเฉี่ยว ทำให้ฉินเฟิงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อชาวเป่ยตี๋ไปหลายส่วน เขายิ้มพลางกล่าวว่า “คนในสายตาคือคนตรงหน้า”
ได้ยินเช่นนี้ เจิ้งเฉียวแก้มแดงเรื่อ นางกัดริมฝีด้านในโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบหลบสายตาเร่าร้อนของฉินเฟิง หัวใจเต้นรัวอย่างยากจะควบคุม
แม้จะรู้ว่าฉินเฟิงกำลังแต่งบทกวีคู่เท่านั้น ก็ยังอดรู้สึกว่ากำลังถูกฉินเฟิงแทะโลมไม่ได้ ทว่าไม่มีหลักฐาน
เหล่าคุณชายที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ พิจารณาวรรคล่างของฉินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ