บทที่ 789 ทรัพย์สินของฉินเฟิง
หลิ่วหมิงมองด้วยสายตาดูแคลนอย่างที่สุด “เงินน้อยนิดเช่นนี้เจ้ายังกล้าเอ่ยปากหรือ? ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นข้าจะสับเจ้าเสียตรงนี้!”
เผชิญหน้ากับหลิ่วหมิงที่พลันเปลี่ยนท่าที ที่ปรึกษาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เพราะคนรอบตัวฉินเฟิงล้วนเป็นปีศาจที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
เขารีบอธิบาย “ก่อนหน้านี้ ตอนท่านโหวฉินขอค่าตั้งถิ่นฐาน เจ้าเมืองของข้าให้เพียงหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน ท่านก็ยินดีรับ”
“บัดนี้ให้สองหมื่นตำลึงเงิน เหตุใดกลับกลายเป็นการล่วงเกิน?”
“ขออภัยที่ข้าไม่เข้าใจ ขอท่านโปรดไขข้อข้องใจด้วย”
หลิ่วหมิงแค่นเสียงเบา “เฮอะ จะเหมือนกันได้อย่างไร?”
“หนึ่งหมื่นตำลึงเป็นผลประโยชน์ที่นายน้อยฉินหามาให้พวกเราพี่น้องทหาร นอกจากกินดื่ม เงินที่เหลือล้วนแจกจ่ายลงไปเป็นค่าตอบแทนความเหนื่อยยาก”
“พวกเราหิวโหยไม่เป็นไร ลำบากเหนื่อยยากก็ไม่เป็นไร แต่พวกเราสาบานว่าจะปกป้องชื่อเสียงของนายน้อยฉินจนถึงที่สุด!”
“กลับไปบอกจ้าวฮ่วนซู หากอยากใช้เงินซื้อความสงบก็ให้ชั่งน้ำหนักชื่อเสียงของนายน้อยของพวกข้าดูก่อน!”
ที่ปรึกษาเจ้าเมืองจะกล้าลังเลได้อย่างไร? พอหลิ่วหมิงพูดจบ เขาก็วิ่งกลับไปทันที
พอจ้าวฮ่วนซูรู้เรื่องนี้ก็อดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้
คนรอบตัวฉินเฟิงล้วนยโสโอหัง แม้แต่องครักษ์ตัวเล็ก ๆ ก็ยังกล้าลำพองแล้ว!
แต่พอคิดอีกที จ้าวฮ่วนซูก็หมดแรง ก็สมกับคำกล่าวที่ว่า ทหารเลวคนเดียว แม่ทัพเลวทั้งกอง
ที่เหล่าทหารต้าเหลียงเย่อหยิ่งก็เพราะแม่ทัพของพวกเขาอย่างฉินเฟิงเย่อหยิ่ง
การใช้กำลัง แม้แต่คิดก็ไม่กล้า
จ้าวฮ่วนซูได้แต่ประนีประนอม “เจ้าจงกลับไปบอกคนผู้นั้น ข้าเจ้าเมืองยินดีจ่ายห้าหมื่นตำลึงซื้อชื่อเสียง มากกว่านี้เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”
“อย่างไรเงินของเมืองอวี่ก็ไม่ได้มาร่วงมาจากฟ้า”
ที่ปรึกษาเจ้าเมืองจะกล้าไปบอกต่อได้อย่างไร? เขาทำหน้าเศร้าพลางเตือน “ท่านเจ้าเมือง หากให้แค่ห้าหมื่นตำลึง ก็ไม่จำเป็นต้องไปพูดแล้ว องครักษ์แซ่หลิ่วผู้นั้นไม่เพียงจะไม่ตกลง แต่จะฆ่าข้าน้อยเอาด้วย”
จ้าวฮ่วนซูทำหน้าเบื่อหน่าย ที่ปรึกษาตรงหน้าช่างไร้ประโยชน์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ถามว่า “เช่นนั้นเจ้าว่าควรจ่ายเท่าไรจึงจะเหมาะสม?”
ที่ปรึกษาลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ตอบว่า “เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้อง…หนึ่งแสนตำลึง”
“หา?! หนึ่งแสนตำลึง!”
จ้าวฮ่วนซูโกรธจัด ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินหนึ่งแสนตำลึง แต่ไม่เต็มใจจะจ่ายเงินมากขนาดนั้นเพียงเพื่อซื้อชื่อเสียงเล็กน้อย
ที่ปรึกษาเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก แล้วอธิบายเสียงเบา “หากน้อยกว่าหนึ่งแสนตำลึง ฉินเฟิงคงไม่สนใจ”
“ค่ายเทียนจีกับอำเภอเป่ยซีแข็งแกร่งตั้งเท่าใดก็หาใช่ความลับ”
“ค่ายเทียนจีถึงกับได้รับการขนานนามว่า โรงฝีมืออันดับหนึ่งของต้าเหลียง และพลังทางการค้าของแคว้นต้าเหลียงก็มากพอที่จะเอาชนะแคว้นรอบ ๆ ทั้งหมด แม้แต่แคว้นใหญ่อย่างเป่ยตี๋เราก็ยังไม่อาจเทียบ”
“หากค่ายเทียนจีเป็นอันดับหนึ่งในต้าเหลียง ก็ย่อมเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า”
“ประเมินอย่างระมัดระวังแล้ว สินทรัพย์รวมของค่ายเทียนจีน่าจะมีมากกว่าสิบล้านตำลึง และเป็นเพียงสินทรัพย์ถาวร ไม่นับรวมเงินหมุนเวียนที่ไม่สามารถคำนวณได้”
“แล้วไหนจะอำเภอเป่ยซีอีก อำเภอเป่ยซีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานประชากรก็เพิ่มขึ้นเป็นสามแสนคน ต้องรู้ไว้ว่า เมืองอวี่ของพวกเราก็มีประชากรเพียงสามแสนคนเท่านั้น”
“อำเภอเป่ยซีอำเภอเดียวมีประชากรเทียบเคียงทั้งเมืองอวี่เรา แม้แต่สามสิบหกอำเภอรอบเมืองหลวงของต้าเหลียง เมื่อเทียบกับอำเภอเป่ยซีแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่หลายส่วน”
“ปีนี้รายได้จากภาษีทุกประเภทของเมืองอวี่รวมทั้งสิ้นก็ประมาณหนึ่งแสนตำลึง”
“แต่อำเภอเป่ยซี…สามแสนตำลึง”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ