บทที่ 793 ผู้ชนะที่แท้จริง
ฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่นอกหอวรรณศิลป์ พบว่าหอวรรณศิลป์ที่เดิมคึกคักอย่างยิ่ง จู่ ๆ ก็เงียบลง ทุกคนต่างงุนงงสงสัย
มีผู้ที่ทนความเงียบไม่ไหวแหงนคอมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
ผู้คนภายนอกต่างเริ่มส่งเสียงอื้ออึง
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมในหอถึงไม่มีเสียงใดเลย?”
“เมื่อครู่องค์หญิงจิ่งฉือเสด็จเข้าไป อาจเป็นเพราะทุกคนกำลังถวายความเคารพ? หรืออาจเป็นเพราะกลัวจะล่วงเกินฝ่าบาท จึงพากันเงียบ?”
“ไม่รู้ว่าในรอบสุดท้ายผู้ใดชนะ ฉินเฟิงหรือหลี่อวี่หัง?”
“ต้องเป็นหลี่อวี่หังแน่นอน เขาเป็นถึงกระเรียนขาวแห่งเมืองอวี๋ หากแม้แต่เขายังแพ้ฉินเฟิง ก็หมายความว่าวงการวรรณกรรมทั้งหมดของเป่ยตี๋ถูกฉินเฟิงเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
แม้สามัญชนไม่เข้าใจการเมือง แต่ในฐานะชาวเมืองอวี๋ พวกเขารู้ถึงความสำคัญของวรรณกรรมที่มีต่อแคว้น
วัฒนธรรมรุ่งเรือง หมายถึงอิทธิพลของอำนาจยิ่งใหญ่ อาศัยวัฒนธรรมสร้างอิทธิพลต่อแคว้นเพื่อนบ้านโดยรอบได้
ทำไมต้าเหลียงที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งวรรณกรรมและวัฒนธรรม ถูกเป่ยตี๋กดดันในด้านการทหารทุกด้าน แต่ก็ยังรุ่งเรืองยาวนาน ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ถูกโจมตีสองทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นั่นก็เพราะว่าเหล่าบัณฑิตของแคว้นต่าง ๆ ล้วนเคารพนับถือแคว้นต้าเหลียง ส่งผลต่อการเมืองภายในแคว้น
แม้วัฒนธรรมไม่อาจควบคุมการเมืองได้โดยตรง แต่บัณฑิตทำได้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมการจัดงานวรรณกรรมเผากำยานในจึงสำคัญยิ่ง หากสามารถเอาชนะฉินเฟิงได้ ก็จะสามารถลดอิทธิพลของเขาในหมู่บัณฑิตของแคว้นรอบ ๆ ได้
พึงรู้ไว้ว่า ไม่เพียงแต่แคว้นรอบข้าง แม้แต่ในเป่ยตี๋ก็มีบัณฑิตไม่น้อยที่ยกย่องฉินเฟิง
ขณะที่ผู้คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอวรรณศิลป์ บัณฑิตชุดสีฟ้าคนหนึ่งก็ก้าวออกมา
ในที่สุดก็มีคนออกมา ประชาชนที่มุงอยู่ย่อมไม่พลาดโอกาส พวกเขากรูกันเข้าไป ล้อมบัณฑิตชุดสีฟ้าไว้
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ก็เห็นว่าสีหน้าของบัณฑิตชุดสีฟ้าแปลกไป
ราวกับว่าเขากำลังเคลิบเคลิ้มอย่างมีความสุข?!
สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คน ในชั่วพริบตา คำถามมากมายก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย
“ท่านหลิว ข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่? รีบเล่าให้พวกข้าฟังเร้วเข้า”
“ใช่แล้ว ข้าแทบทนรอไม่ไหวแล้ว การแข่งขันรอบสุดท้ายนี้ ฉินเฟิงชนะหรือว่าหลี่อวี่หังชนะกันแน่?”
“เมื่อครู่หอวรรณศิลป์ยังคึกคักอยู่เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงเงียบไป เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“องค์หญิงยังอยู่ข้างใน เจ้าอย่าทำให้พวกข้าตกใจ”
“รีบบอกมาเร็วเข้า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่าอ้อมค้อมไปมา”
เผชิญหน้ากับคำถามของผู้คน หลิวเซิงกลับหลับตาลง สูดหายใจลึก ครุ่นคิดอะไรบางอย่างไม่หยุด
แม้ทุกคนจะด่าทออยู่ในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จำต้องอดทนรอให้หลิวเซิงครุ่นคิดจนเสร็จ
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวเซิงจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ ขณะลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาราววาววับ
“ด่านที่ห้า ผู้ชนะคือหลี่อวี่หัง”
เสียงโห่ร้องยินดีดังสนั่น
เหล่าผู้คนโล่งอก สีหน้าตื่นเต้นยินดี ราวกับได้ระบายความแค้นออกมาอย่างสาสม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ